• ลูลา ผู้สมัครฝ่ายซ้ายคว้าชัยการเลือกตั้งประธานาธิบดีบราซิล เหนือโบลโซนาโร ผู้นำคนปัจจุบัน แต่เขาได้คะแนนเสียงไม่ถึง 50% ทำให้ต้องไปตัดสินกันในการเลือกตั้งรอบ 2

  • ผลลัพธ์ที่ออกมาถือว่าน่าผิดหวังสำหรับลูลา ที่ผลโพลระบุมาตลอดว่ามีคะแนนนำโบลโซนาโรค่อนข้างห่าง และสะท้อนให้เห็นด้วยว่า ประธานาธิบดีบราซิลฝีปากกล้าคนนี้ยังมีผู้สนับสนุนอีกมาก

  • คาดว่าตลอดเกือบ 4 สัปดาห์ไปสู่การเลือกตั้งชี้ขาด สถานการณ์ในบราซิลจะทวีความตึงเครียดขึ้นอีก และมีแนวโน้มด้วยว่า โบลโซนาโรจะไม่ยอมรับผลหากเขาแพ้ ซึ่งอาจนำไปสู่เหตุจลาจลเหมือนที่เคยเกิดในสหรัฐฯ

เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา บราซิลจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีซึ่งผลปรากฏว่า ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา หรือที่รู้จักกันในชื่อ ลูลา เอาชนะ ชาอีร์ โบลโซนาโร ผู้นำคนปัจจุบันไปได้ แต่เนื่องจากเขาชนะไปด้วยคะแนนโหวตไม่ถึง 50% ทำให้พวกเขาต้องไปตัดสินชี้ขาดในการโหวตรอบสองช่วงปลายเดือนตุลาคม

การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการต่อสู้กันระหว่าง 2 ศัตรูคู่อาฆาตผู้นำฝ่ายซ้ายฝ่ายขวา ซึ่งกล่าวโจมตีกันมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา และตลอดการเดินสายหาเสียง ท่ามกลางการเดิมพันสูงลิ่วที่ผลลัพธ์อาจจะส่งผลต่อชาวบราซิล รวมถึงบทบาทในเวทีโลกของประเทศในทวีปลาตินอเมริกาแห่งนี้ เพราะนโยบายของทั้งคู่แตกต่างกันสิ้นเชิง

ผลการลงคะแนนรอบแรกที่ออกมาจะยิ่งทำให้การเลือกตั้งทวีความดุเดือดขึ้นไปอีก เพราะมันเป็นการบอกว่า โบลโซนาโรยังมีผู้สนับสนุนอีกมาก นักวิเคราะห์บางคนเริ่มไม่แน่ใจว่า ลูลาจะชนะหรือไม่ ท่ามกลางสัญญาณที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ว่า ประธานาธิบดีบราซิลจะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง และสถานการณ์อาจบานปลายกลายเป็นความรุนแรง

...

การเลือกตั้งที่อาจพลิกโฉมบราซิล

ผลการสำรวจความคิดเห็นล่าสุดของ Quaest Consultoria ชี้ว่า ปัจจัยในการเลือกตั้งที่ชาวบราซิลให้ความสำคัญมากที่สุดคือ เรื่องเศรษฐกิจ, ปัญหาสังคม รวมถึงสาธารณสุข, การคอร์รัปชัน และความกังวลอื่นๆ อย่างอาชญากรรม และการศึกษา เพราะตอนนี้บราซิลกำลังฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ที่สุดที่เริ่มขึ้นในปี 2557 และผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้คนจนมากขึ้นและเกิดวิกฤติการศึกษา

นายโบลโซนาโร ผู้นำพรรคเสรีนิยม (PL) ฝ่ายขวา สัญญาว่าจะแก้ปัญหาอาชญากรรมและการคอร์รัปชัน ส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจ แต่เขาก็เสนอนโยบายที่เป็นข้อถกเถียงมากมาย รวมถึงการตัดงบประมาณการศึกษาของรัฐ, ผ่อนคลายกฎหมายการขอเป็นเจ้าของอาวุธปืน, ลดสิทธิของกลุ่มความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) และสิทธิในการทำแท้ง จำกัดเสรีภาพทางศาสนาและการพูด เขายังวางตัวเป็นผู้สมัครที่เป็นมิตรต่อธุรกิจ สนับสนุนการเปิดตลาดเสรีและแปรรูปรัฐวิสาหกิจ โบลโซนาโรยังถูกนานาชาติวิจารณ์อย่างหนัก ที่ส่งเสริมการตัดไม้ในป่าแอมะซอนด้วย

ส่วนลูลา จากพรรคแรงงาน หนึ่งในผู้นำที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของบราซิล เคยเป็นประธานาธิบดีมาแล้ว 2 สมัย สร้างผลงานทำให้เศรษฐกิจรุ่งเรือง และยกระดับชาวบราซิลกว่า 10 ล้านคนพ้นฐานะยากจน และการเลือกตั้งครั้งนี้ เขามุ่งเน้นแก้ปัญหาการเติบโตของเศรษฐกิจที่ตกต่ำ, ปัญหาความไม่เท่าเทียม และวิกฤติอาหาร พร้อมสัญญาจะเพิ่มการแจกเงินให้ถึงมือประชาชน, ขยายการสร้างบ้านเพื่อสังคม, เสนอโครงการปลดหนี้, ทำลายเพดานการใช้จ่ายของรัฐ, ขึ้นภาษีคนรวย และส่งเสริมการอนุรักษ์ป่าแอมะซอน

ด้านนโยบายต่างประเทศของทั้งคู่นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โบลโซนาโรต่อต้านแนวคิดโลกาภิวัตน์อย่างรุนแรง เขากล่าวโทษสถาบันต่างชาติว่าเป็นอันตรายต่ออธิปไตยของบราซิล เขาสร้างระยะห่างระหว่างบราซิลกับสหประชาชาติ ขู่จะถอนตัวออกจากองค์การอนามัยโลกและความตกลงปารีสว่าด้วยปัญหาโลกร้อน รัฐบาลของเขายังพยายามตีตัวออกห่างอดีตชาติพันธมิตรอย่างคิวบากับเวเนซุเอลา และไปตีสนิทกับผู้นำที่มีแนวคิดเดียวกันอย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ กับวลาดิเมียร์ ปูติน โบลโซนาโรยังดูถูกอิทธิพลของจีน และบาดหมางกับโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ด้วย

ขณะที่ลูลานั้นตรงกันข้าม เขาให้คำมั่นว่าจะนำบราซิลกลับไปเป็นผู้สนับสนุนองค์กรระหว่างประเทศอีกครั้ง นักวิเคราะห์มองว่า ชัยชนะของลูลา จะทำให้บราซิลกลายเป็นชาติลาตินอเมริกันแห่งล่าสุด ที่ฝ่ายซ้ายกลับมามีอำนาจ และอาจเพิ่มความร่วมมือระหว่างบราซิลกับประเทศรายได้น้อยกว่า รวมถึงมีความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ และยุโรปที่ดีขึ้น

ลูลา ดา ซิลวา และ ชาอีร์ โบลโซนาโร 2 ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
ลูลา ดา ซิลวา และ ชาอีร์ โบลโซนาโร 2 ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี

ลูลาผิดหวัง-โบลโซนาโรทำได้ดีเกินคาด

อย่างไรก็ตาม ผลการเลือกตั้งรอบแรกเมื่อวันที่ 2 ต.ค. ปรากฏว่า ลูลาได้คะแนนเสียงไป 48.4% ไม่ถึง 50% ที่ต้องการเพื่อให้ได้รับชัยชนะเด็ดขาด และไม่ต้องไปเลือกตั้งรอบ 2 ขณะที่โบลโซนาโรได้ไป 43.2% สูงกว่าที่นักหยั่งเสียงคาดการณ์เอาไว้ว่าจะมีคะแนนแตกต่างกันถึง 14% มาก

แม้คะแนนของลูลาจะนำเป็นอันดับ 1 แต่แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ผู้สนับสนุนของเขาคาดหวัง แม้ว่าผู้สมัครฝ่ายซ้ายรายนี้จะพยายามสร้างความมั่นใจให้คนของเขา ด้วยการพูดว่า นี่เป็นเพียงการชะลอชัยชนะของเขาเท่านั้น แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การที่ลูลาชนะเด็ดขาดในครั้งนี้ไม่ได้ จะส่งผลกระทบต่อเส้นทางการเลือกตั้งของเขาแน่นอน

ในทางกลับกัน ผลคะแนนที่ออกมาแสดงให้พลังของฝ่ายขวาที่ยังเหลืออยู่มากเกินคาด แม้โบลโซนาโรจะถูกโจมตีและประท้วงต่อต้านอย่างหนักจากความล้มเหลวในการรับมือโควิด-19 และทำให้การตัดไม้ในป่าแอมะซอนสูงที่สุดในรอบ 15 ปี นอกจากนั้น พรรคเสรีนิยมของเขาก็ทำผลงานดีมากในเลือกตั้งรัฐสภา ได้ ส.ว.เพิ่มอีก 7 คนจนแซงพรรคของลูลาขึ้นมามีเสียงข้างมาก ทำให้ต่อให้ลูลาชนะการเลือกตั้ง เขาก็ผ่านนโยบายฝ่ายซ้ายออกมาไม่ได้ง่ายๆ

ชัยชนะของลูลา ไม่ได้รับประกันว่าเขาจะชนะในรอบที่ 2 เพราะต้องลุ้นการสนับสนุนจากผู้สมัครอีก 9 คนที่ได้อันดับรองลงมา โดยเฉพาะ อันดับ 3 อย่างนายซิโมเน เทเบต ส.ว.สายกลาง และนายไคโร โกเมส อดีตสมาชิกสภาฝ่ายกลางซ้าย ซึ่งทั้งคู่ได้คะแนนโหวตรวมกันราว 8.5 ล้านเสียง ขณะที่ช่องว่างระหว่างลูลากับโบลโซนาโรอยู่ที่ 6.1 ล้านเสียง ไม่รวมผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกว่า 30 ล้านคนที่ไม่มาใช้สิทธิ์ในรอบแรก

นายคาร์ลอส เมโล ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์การเมืองจากสถาบันเพื่อการศึกษาและวิจัย ‘Insper’ ในเซาเปาโล บอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า ตอนนี้โอกาสที่ลูลาจะชนะในการลงเลือกตั้งรอบ 2 เหลือน้อยลงไปอีกขั้นแล้ว

...

หีบเลือกตั้งอิเล็กทรอนิกที่บราซิลนำมาใช้ในการเลือกตั้งครั้งนี้
หีบเลือกตั้งอิเล็กทรอนิกที่บราซิลนำมาใช้ในการเลือกตั้งครั้งนี้

การเลือกตั้งยังอีกยาวไกล อาจเกิดเรื่องไม่คาดฝัน

การเลือกตั้งรอบที่ 2 จะเกิดขึ้นในวันที่ 30 ต.ค. แต่ความตึงเครียดทำท่าจะเลวร้ายลงมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากพบพฤติกรรมความรุนแรงทางการเมืองในหมู่ผู้สนับสนุนของทั้งสองฝ่าย เกิดขึ้นในช่วงการเลือกตั้งรอบแรก รวมถึงการฆาตกรรมหลายกรณี ขณะที่ผู้สังเกตการณ์เตือนว่า ข้อมูลผิดๆ จำนวนมากกำลังถูกแพร่กระจายเข้าสู่เครือข่ายสังคมออนไลน์

นอกจากนั้น โบลโซนาโรยังออกมากล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานว่า มีการโกงในระบบเลือกตั้งอิเล็กทรอนิกส์ และพูดเป็นนัยมาตลอดการหาเสียงว่า เขาอาจไม่ยอมรับชัยชนะของลูลา เพิ่มความกังวลว่า อาจเกิดการจลาจลในบราซิล แบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อปีก่อน หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ แพ้เลือกตั้งแล้วไม่ยอมรับผล

อีกไม่ถึง 4 สัปดาห์จะไปถึงบทสรุปของการเลือกตั้งอันดุเดือด และคราวนี้เป็นการเผชิญหน้ากันโดยตรงของคู่ปรับทางการเมืองผู้ทรงอำนาจจาก 2 ขั้วของบราซิล พวกเขาจะยกระดับแคมเปญหาเสียงอีกหลายระดับเพื่อชัยชนะของตัวเอง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นได้





ผู้เขียน : ทิตชนม์ สว่างศรี

ที่มา : cfraljazeera, bbc

...