สงสัยผู้หญิงจะครองโลกจริงๆซะแล้ว หลังสหราชอาณาจักรได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่เป็นผู้หญิง เพื่อนบ้านอย่างอิตาลีก็ตามรอยมาติดๆ เมื่อ หัวหน้าพรรคพี่น้องแห่งอิตาลี “จอร์เจีย เมโลนี” วัย 45 ปี ชนะเลือกตั้งครั้งใหญ่ จับมือกลุ่มพรรคฝ่ายขวาเตรียมขึ้นแท่นเป็นนายกฯหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ของแดนมะกะโรนี

ถ้าความอ่อนโยนและประนีประนอมเป็นคุณสมบัติเด่นของผู้หญิง นายกฯหญิงคนแรกของอิตาลีก็คงเป็นผู้นำหญิงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ขนาดซีเอ็นเอ็นประโคมข่าวว่า อิตาลีได้นายกฯหญิงแนวขวาจัดที่สุดนับตั้งแต่ยุคจอมเผด็จการฟาสซิสต์ “เบนีโต มุสโสลินี” ที่ครองอำนาจยาวนานถึง 20 ปี และถูกตราหน้าว่าเป็นผู้นำอิตาลีไปแพ้สงครามโลกครั้งที่สอง สร้างบาดแผลใหญ่และความอัปยศให้อิตาลี

ขณะที่สื่อบางสำนักตีข่าวใหญ่โตว่า ในฐานะผู้นำชาติเศรษฐกิจใหญ่อันดับสามของสหภาพยุโรป “จอร์เจีย เมโลนี” ซึ่งมีรากเหง้ามาจากกลุ่มนีโอฟาสซิสต์ อาจเป็นภัยคุกคามสำหรับชาติอื่นๆในยุโรปไม่ต่างจาก “โดนัลด์ ทรัมป์” ที่เป็นภัยต่อชาวโลก ที่ผ่านมาเธอแสดงจุดยืนชัดว่าต่อต้านการเพิ่มอำนาจให้สห ภาพยุโรป โดยวิพากษ์ วิจารณ์เจ้าหน้าที่ของสหภาพยุโรปว่าเป็นระบบราชการมากเกินไป แถมพูดเสมอว่าอิตาลีถูกเหยียบย่ำโดยประเทศอียูที่ใหญ่กว่าและรวยกว่า

แม่ค้านแหลกท้าชนทุกเรื่องจริงๆ ในขณะที่ชาติตะวันตกรวมหัวกันเล่นงานรัสเซียตามลูกพี่อเมริกา แต่นายกฯหญิงคนแรกของอิตาลีกลับประณามการส่งอาวุธของชาติตะวันตกให้ยูเครนมาตั้งแต่ต้น สอดคล้องกับจุดยืนของพันธมิตรหลักฝ่ายขวา “อดีตนายกฯ 3 สมัย ซิลวีโอ แบร์ลุสโกนี” หัวหน้าพรรคฟอร์ซา อิตาเลีย ที่แสดงความเห็นใจประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ว่า ถูกชาติตะวันตกบีบให้ต้องทำสงครามรุกรานยูเครน

...

ตลอดการเดินสายหาเสียง “เมโลนี” ยังให้คำมั่นว่าจะปกป้องผลประโยชน์ของชาติอิตาลี แม้จะต้องขัดแย้งกับนโยบายของสหภาพยุโรป โดยหนึ่งในนโยบายโดนใจประชาชนที่สุดคือ ต่อต้านการรับผู้อพยพที่ไม่ใช่ชาวยุโรปเข้าประเทศ ในขณะที่อิตาลีกำลังเผชิญกับวิกฤติพลังงานพุ่งสูงลิ่ว เนื่องจากผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยังไม่นับรวมถึงสถานะการเงินน่าเป็นห่วงในฐานะประเทศที่มีหนี้มากที่สุดประเทศหนึ่งในยุโรป

“ถ้าเราได้จัดตั้งรัฐบาล เราจะเป็นรัฐบาลสำหรับทุกคน จะทำเพื่อชาวอิตาลีทั้งหมด และเราจะทำเพื่อจุดมุ่งหมายสร้างความสามัคคีให้คน ในชาติ...อิตาลีเลือกเรา เราจะไม่ทรยศอิตาลี ซึ่งเราไม่เคยทำเช่นนั้น”...เธอประกาศระหว่างรณรงค์หาเสียง พร้อมให้คำมั่นว่าจะสร้างรัฐสวัสดิการ, สนับสนุนดูแลคนวัยเกษียณ, ผู้หญิง, เด็ก และผู้พิการ ซึ่งล้วนแต่เป็นนโยบายประชานิยมที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาล

ทั้งนี้ ชื่อเสียงของ “เมโลนี” เป็นที่รู้จักในฐานะนักการเมืองแนวขวาจัดที่มีความเป็นชาตินิยมแรงกล้า ก่อนจะมาเล่นการเมืองเต็มตัว เธอเป็นนักหนังสือพิมพ์มาก่อน มีพื้นเพมาจากครอบครัวชนชั้นแรงงานในกรุงโรม เริ่มสนใจการเมืองตั้งแต่วัยรุ่น โดยเข้าร่วมกลุ่มเยาวชนแนวหน้า และขึ้นเป็นผู้นำนักศึกษาเคลื่อนไหวทางการเมือง เธอได้เป็น ส.ส.ครั้งแรกตอนอายุ 29 และได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีกิจการเยาวชนตอนอายุ 31 ในรัฐบาลของ “นายกฯแบร์ลุสโกนี” รั้งตำแหน่งอยู่เกือบ 4 ปี

กระนั้น ช่วงแรกที่ออกมาก่อตั้งพรรค “Brothers of Italy” (Fdl) ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ต้องพ่ายแพ้จากการลงสมัครนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภากรุงโรม แต่ภายหลังในปี 2018 เธอก็สามารถนำพรรคเข้าสู่สภาในฐานะพรรคฝ่ายค้านและสั่งสมความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยสร้างผลงานโดดเด่นในฐานะพรรคฝ่ายค้านเดี่ยวที่ตามเช็กบิลการทำงานของรัฐบาลนายกฯมารีโอ ดรากี

ใครกล่าวหาว่าเธอเป็นพวกขวาตกขอบ “เมโลนี” จะปฏิเสธทันที เธอแค่รักความถูกต้อง, มีแนวคิดชาตินิยม, ชูนโยบายปกป้องทางการค้า, ต่อต้านผู้อพยพ, ไม่สนับสนุนการทำแท้ง และต่อต้านการแต่งงานของคนเพศเดียวกัน

ถ้าโลกกำลังยุ่งเหยิงเพราะ “ผู้ชายบ้าอำนาจ” ถึงเวลาหรือยังที่จะให้ “ผู้หญิงฉลาดและสู้งาน” ปัดกวาดขยะจัดระเบียบบ้านใหม่สักที?!

มิสแซฟไฟร์