ธนาคารกลางสหรัฐฯ ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 เดือน หวังลดอัตราเงินเฟ้อให้ได้ แม้จะเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจก็ตาม

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติในวันพุธที่ 21 ก.ย. 2565 ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานขึ้นอีก 0.75% เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 เดือน ทำให้อัตราดอกเบี้ยล่าสุดตอนนี้อยู่ที่ 3-3.25% มากที่สุดนับตั้งแต่วิกฤติการเงินโลกปี 2551

ความเคลื่อนไหวของเฟดมีขึ้นเพื่อรับมือกับอัตราเงินเฟ้อสูงลิ่วที่กำลังเล่นงานเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยเชื่อว่าการขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจและครัวเรือนอเมริกันหลายล้านราย ที่ต้องเผชิญกับดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงขึ้น ไม่ว่าจะกู้ซื้อบ้าน, รถ หรือแม้แต่ใช้บัตรเครดิต

นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ กล่าวยอมรับเรื่องผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจำนวนมากในระยะเวลาสั้นๆ เช่นนี้ แต่ยืนยันว่าพวกเขาต้องทำต่อไปจนกว่าจะลดอัตราเงินเฟ้อได้

“ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น, การเติบโตชะลอตัวลง และสถานะของตลาดแรงงานอ่อนตัวลง ฉุดให้เงินเฟ้อลดลง มันยังจะสร้างความเจ็บปวดแก่ครัวเรือนและธุรกิจต่างๆ บ้าง นี่เป็นความเสียหายที่ช่วยไม่ได้เพื่อลดเงินเฟ้อ แต่ความล้มเหลวในการฟื้นฟูเสถียรภาพของราคาจะสร้างความเจ็บปวดที่มากยิ่งกว่า”

ทั้งนี้ รายงานสรุปการคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจของเฟดประจำไตรมาส 3 ซึ่งเผยแพร่ในวันพุธ สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบที่จะเกิดจากการขึ้นดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว โดยเฟดคาดว่าการเติบโตของเศรษฐกิจและตลาดแรงงานจะชะลอตัวลง อัตราว่างงานเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.4% ในปี 2566 สูงกว่าการคาดการณ์ในเดือนมิถุนายน ซึ่งคาดไว้ที่ 3.9% ส่วนอัตราว่างงานปัจจุบันอยู่ที่ 3.7%

...

ด้านผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ซึ่งเป็นค่าหลักในการชี้วัดแนวโน้มเศรษฐกิจ ถูกปรับลดลงเหลือเพียง 0.2% จาก 1.7% ในเดือนมิถุนายน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ของแบงก์ ออฟ อเมริกา คาดไว้ว่าจะลดลงไปอยู่ที่ 0.7%

แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อก็ถูกปรับเพิ่มเช่นกัน โดยดัชนีวัดค่าการเปลี่ยนแปลงราคาจากรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (core PCE) ซึ่งเฟดนิยมใช้วัดอัตราเงินเฟ้อ จะไปแตะที่ 4.5% ในปีนี้ และ 3.1% ในปี 2566 จากเมื่อเดือนมิถุนายนซึ่งคาดไว้ที่ 4.3% กับ 2.7% ตามลำดับ

แต่สิ่งที่นักลงทุนน่าจะให้ความสนใจมากที่สุดคือ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดชี้ว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอีกหลายปีข้างหน้า โดยอัตราดอกเบี้ยปี 2565 มีแนวโน้มจะไปแตะที่ 4.4% จากเดิมที่คาดไว้เพียง 3.4% ขณะที่ในปี 2566 อัตราดอกเบี้ยจะไปแตะ 4.6% จากที่คาดไว้ครั้งก่อนที่ 3.8% ส่วนในปี 2567 เฟดเพิ่มแนวโน้มจากที่คาดไว้ 3.4% ในเดือนมิถุนายน ไปเป็น 3.9% และคาดว่าอัตราจะอยู่ที่ระดับ 2.9% ในปี 2568

นักวิเคราะห์มองว่า การคาดการณ์ล่าสุดของเฟดแสดงให้เห็นการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะ ‘hard landing’ หรือการกระชับนโยบายการเงินมากถึงขั้นเศรษฐกิจถดถอย และเป็นข้อพิสูจน์ในระดับหนึ่งว่า เฟดยินดีที่จะรับผลกระทบทางเศรษฐกิจแล้ว เพื่อลดอัตราเงินเฟ้อที่สูงลิ่ว

ที่มา : cnn