เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงของจีน แนะนำประชาชนหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับชาวต่างชาติ เพื่อลดความเสี่ยงติดโรคฝีดาษลิง หลังจากพบผู้ป่วยรายแรกที่เดินทางมาจากต่างประเทศ

ดร.อู๋ จุนโหย่ว นักโรคระบาดวิทยาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคจีน โพสต์ในบัญชีเว่ยป๋อของเขาเมื่อวันเสาร์ว่า เพื่อป้องกันโอกาสติดโรคฝีดาษลิง และเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิตอย่างถูกสุขลักษณะ ขอแนะนำว่าอย่าสัมผัสร่างกายชาวต่างชาติ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสร่างกายผู้ไปต่างประเทศในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงคนแปลกหน้าทุกคน

โพสต์ดังกล่าวซึ่งมีการแชร์ในสื่อสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง ทำให้เกิดการแสดงความคิดเห็นที่หลากหลายในเว่ยปั๋ว ขณะที่โพสต์ต้นทางปิดช่องการแสดงความคิดเห็น จึงมีคนแสดงความเห็นในโพสต์ที่ถูกส่งต่อหรือจับภาพหน้าจอว่า เป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างมากที่จะพูดเช่นนั้น เพราะในช่วงแรกที่โควิดระบาด ชาวต่างชาติบางคนได้ออกมาปกป้องพวกเราว่าชาวจีนไม่ใช่ไวรัส ส่วนผู้ใช้อีกรายกล่าวว่า เหตุใดชาวต่างชาติในจีนจึงถูกมองว่าเสี่ยงมากกว่าชาวจีน ทั้งที่พวกเขาพักอาศัยในจีนระยะยาว และไม่ได้เดินทางออกนอกจีนเลย เพราะมาตรการจำกัดการระบาดที่เคร่งครัด

ดร.อู๋ ข้อความดังกล่าว หลังนครฉงชิ่ง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน พบผู้ป่วยฝีดาษวานรรายแรกของประเทศเมื่อวันศุกร์ เป็นชายชาวจีนวัย 29 ปี ที่เดินทางจากสเปนมาถึงฉงชิ่ง เมื่อวันที่ 14 กันยายน

คณะกรรมาธิการสุขภาพฉงชิ่ง แถลงว่า ชายคนนี้มีความเสี่ยงต่ำที่จะแพร่เชื้อ เนื่องจากถูกกักตัวทันทีที่เดินทางมาถึง ส่วนผู้ใกล้ชิดทุกคนถูกแยกตัวเพื่อเฝ้าระวังทางการแพทย์ องค์การอนามัยโลกซึ่งประกาศให้ฝีดาษวานรเป็นเหตุฉุกเฉินด้านสาธารณสุขโลก แจ้งว่า มีผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันแล้วมากกว่า 60,000 คน ใน 90 ประเทศ ที่โรคนี้ไม่ใช่โรคประจำถิ่น

...

ไวรัสฝีดาษลิงซึ่งติดต่อผ่านการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ สัตว์ หรือสิ่งของที่ปนเปื้อน มักทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ และมีผื่นขึ้น ทั้งนี้ ประมาณ 90 ประเทศที่โรคฝีลิงไม่ถือว่าเป็นโรคเฉพาะถิ่น มีรายงานการระบาดของโรคไวรัสนี้ ซึ่งองค์การอนามัยโลกได้ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพทั่วโลก มีผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันแล้วมากกว่า 60,000 ราย และบางประเทศที่ไม่มีโรคเฉพาะถิ่น มีรายงานการเสียชีวิตครั้งแรก

ที่มา บีบีซี