• พระบรมศพควีนเอลิซาเบธที่ 2 ประทับ ณ พระราชวังบักกิงแฮม เป็นเวลาหนึ่งคืน ก่อนจะถึงพระราชพิธีเคลื่อนพระบรมศพ ไปยังเวสต์มินสเตอร์ฮอลล์ ในพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ กรุงลอนดอน ในช่วงบ่ายวันที่ 14 ก.ย. ตามเวลาท้องถิ่น
  • พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 พร้อมด้วยพระขนิษฐาและพระอนุชา ทั้งสามองค์ รวมทั้ง เจ้าชายวิลเลียม และเจ้าชายแฮร์รี่ พระราชโอรส จะทรงพระดำเนินตามหลังหีบพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่จะเคลื่อนขบวนออกจากพระราชวังบักกิงแฮม ไปยังเวสต์มินสเตอร์ฮอลล์
  • หีบพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จะถูกอัญเชิญมาประดิษฐาน ที่เวสต์มินสเตอร์ฮอลล์ เพื่อให้ประชาชนเข้าสักการะพระบรมศพ เป็นเวลา 4 วัน ตั้งแต่ 14-18 ก.ย. ก่อนพระราชพิธีพระบรมศพจะมีขึ้นที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ ในวันที่ 19 ก.ย.
ทหารอัญเชิญหีบพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ลงจากเครื่องบินC-17 ของกองทัพอากาศอังกฤษ ที่ฐานทัพอากาศ RAF Northolt  ทางตะวันตกกรุงลอนดอน เมื่อ 13 ก.ย. 2565
ทหารอัญเชิญหีบพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ลงจากเครื่องบินC-17 ของกองทัพอากาศอังกฤษ ที่ฐานทัพอากาศ RAF Northolt ทางตะวันตกกรุงลอนดอน เมื่อ 13 ก.ย. 2565

...

ชาวอังกฤษสุดเศร้า พระบรมศพถึง ‘บ้าน’ วังบักกิงแฮม

พระบรมศพสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 ถูกอัญเชิญลงจากเครื่องบิน C-17 ของกองทัพอากาศอังกฤษ ซึ่งเดินทางจากกรุงเอดินบะระ เมืองหลวงสกอตแลนด์ มาถึงสนามบินสถานีกองทัพอากาศ RAF Northolt ทางตะวันตกของกรุงลอนดอน เมื่อค่ำวันที่ 13 ก.ย. ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีเจ้าหญิงแอนน์ พระราชกุมารี พระธิดาเพียงพระองค์เดียวในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เสด็จฯ มาพร้อมกับพระบรมศพพระราชมารดา ซึ่งนับเป็นการเดินทางไกลครั้งสุดท้ายของพระองค์ หลังสวรรคตอย่างสงบ ณ พระตำหนักบัลมอรัล ในสกอตแลนด์ เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 8 ก.ย. 2565

จากนั้นได้มีการอัญเชิญพระบรมศพควีนเอลิซาเบธที่ 2 ขึ้นรถบรรทุกพระศพ มุ่งสู่ ‘บ้าน’ พระราชวังบังกิงแฮม ในกรุงลอนดอน ซึ่งเป็นสถานที่ประทับหลักของพระองค์ตลอดรัชสมัยที่ทรงครองสิริราชสมบัติ เป็นองค์พระประมุขแห่งสหราชอาณาจักรมายาวนานนับ 70 ปี โดยมีคลื่นมหาชนจำนวนมากเฝ้ารอรับเสด็จอยู่ตลอดฝั่งถนน จนถึงบริเวณด้านหน้าพระราชวังบักกิงแฮม

...

พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3-พระบรมวงศานุวงศ์ เฝ้ารอรับเสด็จหน้าวัง

ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาโปรยปราย ฟ้ามืดยามค่ำ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 พร้อมด้วยพระราชินีคามิลลา เจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์ แคเธอรีน เจ้าหญิงแห่งเวลส์ เจ้าชายแฮร์รี่ ดยุกแห่งซัสเซกซ์ และเมแกน ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ได้ทรงพระดำเนินมายังพระราชวังบักกิงแฮม เพื่อเฝ้ารอรับเสด็จพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่ได้เสด็จฯ มาถึง ‘บ้าน’ และจะทรงถูกอัญเชิญขึ้นประทับที่พระราชวังบักกิงแฮม เป็นเวลา 1 คืน

เคลื่อนพระบรมศพจากวังบังกิงแฮม ไปประดิษฐานที่เวสต์มินสเตอร์ฮอลล์

เวลาประมาณ 14.22 น. ของวันพุธที่ 14 ก.ย. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับ 20.22 น. ตามเวลาในประเทศไทย จะมีพระราชพิธีเคลื่อนพระบรมศพสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 จากพระราชวังบักกิงแฮม ไปประดิษฐานที่ เวสต์มินสเตอร์ฮอลล์ ซึ่งเป็นห้องโถงใหญ่เก่าแก่ที่สุดในกลุ่มอาคารรัฐสภา ซึ่งในเขตพระราชวังเวสต์มินสเตอร์

พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3  พร้อมทั้งเจ้าหญิงแอนน์ พระราชกุมารี, เจ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์ก พระราชโอรสองค์ที่ 2 ในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด เอิร์นแห่งเวสเซกซ์ พระราชโอรสองค์เล็ก, เจ้าชายวิลเลียม และ เจ้าชายแฮร์รี่จะทรงพระดำเนินตามหลังหีบพระบรมศพสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 จากพระราชวังบักกิงแฮม ไปยังเวสต์มินสเตอร์ฮอลล์ โดยในระหว่างพระราชพิธีนี้ จะมีการยิงปืนสลุตที่สวนสาธารณะไฮด์ปาร์ก และมีการลั่นระฆังที่หอนาฬิกาบิ๊กเบน

...

ขณะที่ พระราชินีคามิลลา,แคเธอรีน เจ้าหญิงแห่งเวลส์, เมแกน และโซฟี เคาน์เตสแห่งเวสเซกซ์ จะเสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่ง ตามหลังรถบรรทุกหีบพระบรมศพ มาถึงเวสต์ มินสเตอร์ฮอลล์ ในเวลา 15.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) โดยคาดว่าจะมีคลื่นมหาชนเฝ้ารอส่งเสด็จอยู่บริเวณตลอดสองฝั่งถนนจากพระราชวังบักกิงแฮม ไปจนถึงเวสต์มินสเตอร์ฮอลล์

ประชาชนตากฝน ขณะมาปักหลักค้างคืนบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเทมส์ ตรงข้ามกับพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ ในกรุงลอนดอน เพื่อเฝ้ารอขบวนพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่จะถูกอัญเชิญมาประดิษฐานที่เวสต์มินสเตอร์ฮอลล์ ในบ่ายวันที่ 14 ก.ย. 2565 ตามเวลาท้องถิ่น
ประชาชนตากฝน ขณะมาปักหลักค้างคืนบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเทมส์ ตรงข้ามกับพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ ในกรุงลอนดอน เพื่อเฝ้ารอขบวนพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่จะถูกอัญเชิญมาประดิษฐานที่เวสต์มินสเตอร์ฮอลล์ ในบ่ายวันที่ 14 ก.ย. 2565 ตามเวลาท้องถิ่น

...

เปิดให้ประชาชนสักการะพระบรมศพ ตั้งแต่ 14-18 ก.ย.

หีบพระบรมศพของควีนเอลิซาเบธที่ 2 จะถูกอัญเชิญไปประดิษฐานบนแท่นยกสูง ที่เรียกว่า catafalque ภายใต้หลังคาไม้ซุง ของห้องโถงใหญ่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ยุคกลางในศตวรรษที่ 11 โดยทั้งสี่ทิศจะมีทหารรักษาพระองค์ยืนเฝ้ารักษาการณ์อยู่โดยรอบ

โดยจะมีการเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะพระบรมศพที่ประดิษฐาน ณ เวสต์มินสเตอร์ฮอลล์ ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 1 ก.ย. ตามเวลาท้องถิ่น ไปจนถึงวันที่ 18 ก.ย. โดยคาดว่าจะมีประชาชนจำนวนมากมาปักหลักรอต่อแถวเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

ภาพความสุข ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พร้อมด้วยเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ (ยศในขณะนั้น) และพระบรมวงศานุวงศ์อังกฤษ
ภาพความสุข ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พร้อมด้วยเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ (ยศในขณะนั้น) และพระบรมวงศานุวงศ์อังกฤษ

พระราชพิธีพระบรมศพ วันที่ 19 ก.ย.

ตามรายงานของบีบีซี ระบุว่า ในวันประกอบพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จะมีการเคลื่อนย้ายหีบพระบรมศพจากเวสต์มินสเตอร์ฮอลล์ มายังมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ที่อยู่ใกล้กัน โดยใช้รถปืนใหญ่เกียรติยศของราชนาวีอังกฤษ ซึ่งมีการใช้งานครั้งสุดท้ายในพิธีศพของลอร์ตเมาต์แบตเทน เมื่อปี 1979 โดยมีทหารเรือ 142 นาย เป็นผู้ลากจูงราชรถในครั้งนั้น

พระบรมวงศานุวงศ์ อาจรวมถึงพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 กษัตริย์องค์ใหม่อาจจะเสด็จพระราชดำเนินมาในขบวนพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่ถูกอัญเชิญเคลื่อนออกจากเวสต์มินสเตอร์ฮอลล์ มายังมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์

สำหรับพิธีทางศาสนาที่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ฮอลล์นั้น คาดว่า เดวิด ฮอยล์ อธิการของมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ จะเป็นผู้ประกอบพิธีทางศาสนา โดยมี จัสติน เวลบี อาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี เป็นผู้เทศนา และนายกรัฐมนตรีลิซ ทรัสส์ อาจได้รับมอบหมายให้เป็นผู้อ่านบทคำสอนจากพระคัมภีร์ไบเบิล

ฝังพระบรมศพที่โบสถ์น้อยเซนต์จอร์จ

ภายหลังพระราชพิธีในมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์เสร็จสิ้นลงแล้ว หีบพระบรมศพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จะถูกอัญเชิญไปยังซุ้มประตูชัย Wellington Arch บริเวณสวนสาธารณะไฮด์ปาร์ก เพื่อขึ้นรถบรรทุกพระบรมศพ มุ่งสู่พระราชวังวินด์เซอร์ เพื่อประกอบพระราชพิธีขั้นสุดท้าย ฝังพระบรมศพที่โบสถ์น้อยเซนต์จอร์จ ภายในบริเวณปราสาทวินด์เซอร์ ท่ามกลางความโศกเศร้าอาลัยของพระบรมวงศานุวงศ์ และพสกนิกรเป็นอย่างยิ่ง.

เรียบเรียงโดย : อรัญญา ศรีจันทรนิตย์

ที่มา : BBC , Dailymail,TheSun