จากกรณีรัฐบาลเมียนมาดำเนินการประหารชีวิตนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐประหาร 4 คน รวมถึงนายจ่อ มิน ยู แกนนำกลุ่มนักศึกษา 88 เจนเนอเรชัน วัย 53 ปี และนายพิว ซยา ตอ อดีต ส.ส.พรรคเอ็นแอลดี วัย 41 ปี ด้วยการแขวนคอในเรือนจำอินเส่ง นครย่างกุ้ง ซึ่งเป็นการบังคับใช้โทษประหารครั้งแรก ในรอบ 46 ปีของเมียนมานั้น นายเน็ด ไพรซ์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลจีนเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลเมียนมา เพราะสถานการณ์ขณะนี้ไม่สามารถทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อีกต่อไป

ทั้งนี้ นายไพรซ์มองด้วยว่า จีนมีอิทธิพลต่อเมียนมามากกว่าประเทศใดๆ รัฐบาลสหรัฐฯขอเรียกร้องให้ประเทศต่างๆทำมากกว่านี้ สหรัฐฯพร้อมจะทำงานหนักกว่าเดิม และในกรณีนี้เรายังขอให้ประเทศต่างๆระงับการขายอาวุธยุทโธปกรณ์แก่กองทัพเมียนมา ละเว้นการมอบความชอบธรรมแก่เมียนมาในเวทีโลก ก่อนหน้านี้ สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย แคนาดา ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ เกาหลีใต้ อังกฤษ และสหรัฐฯออกแถลงร่วมแสดงความไม่พอใจที่รัฐบาลเมียนมาเมินเฉยสิทธิมนุษยชนและกฎหมาย ส่วนโฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนระบุว่า จีนไม่แทรกแซงกิจการภายในประเทศใด ขอให้เมียนมาใช้กฎหมายคลี่คลายความไม่ลงรอยกัน.