เกือบสองสัปดาห์แล้วที่เกิดเหตุใหญ่ ข่าวช็อกโลก “ชินโสะ อาเบะ” อดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัย แห่งพรรคแอลดีพี ถูกลอบยิง เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม เวลาราว 11.30 น.

เทสึยะ ยามากากิ อดีตเจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น ชาวนาราวัย 41 ปี ตัดสินใจสาดกระสุน 2 นัดซ้อนเข้าด้านหลัง ขณะปราศรัยหน้าสถานียามาโตะ ไซไดจิ เมืองนารา ภูมิภาคคันไซ

ยามากากิถูกรวบตัวทันควันในที่เกิดเหตุ พบว่าปืนสั่งตาย ลูกซองแฝดเป็นแบบญี่ปุ่นประดิษฐ์ไร้ทะเบียน เนื่องจากการขออนุญาตเป็นเรื่องยากมากๆ...เขาจึงใช้ประสบการณ์ทำขึ้นเองหมาย “ฆ่า” อาเบะด้วยความคับแค้น ที่สนับสนุนองค์กรศาสนาแห่งหนึ่งที่มีผู้เลื่อมใสเป็นจำนวนมาก...

หนึ่งในนั้นคือ “แม่” เขาเองที่ขนเงินไปบริจาคจนครอบครัวพังทลาย...โดยมือสังหารรู้เพียงว่าเหยื่อจะมาล่วงหน้าแค่วันเดียวทางอินเตอร์เน็ต

อีกทั้งยังให้การปฏิเสธกับเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงปมสังหารว่าไม่เกี่ยวกับ “การเมือง” กรณีอดีตผู้นำคิดจะแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับสันติภาพโลก มาตรา 9 เพราะต้องการขยายกองกำลังป้องกันประเทศเพิ่มขึ้นในต่างประเทศอีกหลายแห่ง ด้วยญี่ปุ่นถูกห้ามให้มีทหารจากการพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 และยามากากิเชื่อว่า การแก้ไขดังกล่าวเท่ากับนำญี่ปุ่นไปสู่สงครามอีกครั้งหนึ่ง ทั้งที่ผู้นำหลายคนเคยคิดแก้แต่ไม่สำเร็จ

ข้อมูลข้างต้นนี้เป็นรายงานข่าวที่สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคโตเกียว นำเสนอเมื่อเย็นวันเกิดเหตุ ถึงแนวทางการสืบสวนสอบสวนของตำรวจนารา เพื่อดำเนินคดีกับฆาตกรสะท้านโลก

แต่ว่าไปแล้ว...ผู้นำคนที่ 57 ของญี่ปุ่นคนนี้คือ “นายกรัฐมนตรี” ที่มีอายุน้อยสุด ในสมัยแรกเป็นเมื่อปี 2549-2550...และสมัยที่ 2 เมื่อธันวาคม 2555 ถึงสิงหาคม 2563 ด้วยเหตุต้องลาออกเพราะป่วยลำไส้บวมเป็นแผลใหญ่กำเริบ...น่าเสียดายที่เหลืออีก 3 เดือน จะครบ 8 ปีอยู่แล้ว

...

อย่างไรก็ตาม...ช่วงที่ “อาเบะ” เข้ามาบริหารประเทศเขาถูกกดดันจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย และถูกเสียงก่นด่าถึงความล้มเหลวด้วยเป็นช่วงที่เศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในช่วงขาลง...แต่เขาก็กลับทำให้คนทั้งโลกหัวเราะได้จากเวทีปิดการแข่งขันกีฬาบราซิลโอลิมปิก 2016

โดยลงทุนแต่งชุดการ์ตูนออนไลน์สุดปัง “มาริโอ” คราวรับธงสัญลักษณ์การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันครั้งต่อไปปี 2020

หลังจากนั้น...อาเบะได้เตรียมความพร้อม ขณะเดียวกันทีมไทยแลนด์ประจำกรุงโตเกียวได้เตรียมทำตลาดชวนคนที่มาชมการแข่งขัน ไปเที่ยวต่อเมืองไทยก่อนและหลังการแข่งขันแบบ “พรี แอนด์ โพสต์”

เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในการออกหาประสบการณ์

“น่าเสียดาย...ปลายปี 2019 โลกทั้งใบกำลังถูกโควิดบูลลี่” เสกสรร ศรีไพรวรรณ ผอ.ท่องเที่ยวหนึ่งในทีมไทยแลนด์ เปิดฉากวิเคราะห์

เสกสรร ศรีไพรวรรณ
เสกสรร ศรีไพรวรรณ

“ญี่ปุ่นจึงจำต้องประกาศเลื่อนการจัดไปอีกหนึ่งปี บังเอิญแจ็กพอตกับช่วงปีที่อาเบะลาออกพอดี กระนั้น...ก็ได้หนุนนายโยชิฮิเดะ ซูงะ ทายาททางการเมืองขึ้นแทน

แล้ว...ก็รับหน้าเสื่อจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2020 ในปลายปี 2021 จนสำเร็จภายใต้ข้อจำกัดที่โควิดกำลังปูพรมทั่วแผ่นดิน”

ปีนั้น...“วิกฤติ” จึงเป็น “โอกาส” ให้ญี่ปุ่นบอกคนทั้งโลกได้...โควิดมิใช่ปัญหาการจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลกครั้งนี้...นี่คือธาตุแท้ของบิสซิเนสแมนเลือดซามูไร 100% เต็ม

ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นในปี 2556 หลังเข้ารับตำแหน่งสมัยที่ 2 ของอาเบะ คอการเมืองแฟนพันธุ์แท้คงพอจะจำกันได้ว่า...เขาได้เปิดตัวนโยบายใหม่ที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ มีชื่อว่า “อาเบะโนมิกส์”

ที่มาที่ไปมาจาก “อาเบะ” บวก “อีโคโนมิกส์”

เพื่อปฏิรูปโครงสร้างใหม่ใส่เกียร์เดินหน้า นำพาประเทศฝ่าวิกฤติที่ถดถอย และกลับมาเป็นชาติพี่เบิ้มทางเศรษฐกิจอันดับ 3 ของโลกอย่างสง่างาม...ตามที่เขาคิดและหวัง

...

เริ่มจาก...การกระชับความสัมพันธ์กับจีนโดยพบสี จิ้นผิง คราวประชุมสุดยอดผู้นำเอเปกที่กรุงปักกิ่ง กับเรียกร้องธนาคารกลางญี่ปุ่นผ่อนคลายความตึงเครียดทางการเงินให้มากเป็นพิเศษ

แก้ไขระเบียบการคลังให้เอื้อกับประชาชน และมาตรการต่างๆ อีกมากมาย

“หนึ่งในนั้น...คือการกระตุ้นคนญี่ปุ่นปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการท่องเที่ยวใหม่ เป็นหิ้วกระเป๋าเที่ยวบ้านตัวเองก่อนออนทัวร์ต่างประเทศ” เสกสรร ว่า

ปรากฏว่าได้ผล...บรรยากาศท่องเที่ยวในประเทศคึกคักแต่ละจังหวัดขานรับ และเมืองที่สนใจไปเที่ยวเหมือนทัวริสต์ต่างชาติคือ ฮอกไกโด เที่ยวหน้าหนาวช่วงเทศกาลหิมะ หน้าร้อนชมฟลอราและหวดกอล์ฟ

ตัดฉากมาถึงปัจจุบันวันนี้ สำหรับซัมเมอร์กรกฎาคม-สิงหาคมปีนี้...“ญี่ปุ่น” ยังหวั่นเรื่องโควิดพันธุ์ใหม่ซึ่งดุกว่าเก่าคือ BA.4/5 จึงไม่ส่งเสริม อาจจะยกยอดไปช่วงใบไม้ร่วงเปลี่ยนสีเดือนกันยายน

...

เอาเป็นว่า...สำหรับคนไทยที่อวยญี่ปุ่นมากสุด คือตอนเปิดแคมเปญโฆษณาตามสำเนียงไทย “สุโค่ย เจแปน” ที่มาจากคำว่า “สุโง่ย (Sugoi)” หรือ “สุโก้ย” ตามเจ้าของภาษาแปลว่า “สุดยอด”

หนุนอาเบะกดปุ่มเปิดตลาด “คูล เจแปน” เป็นสนามแม่เหล็กดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกด้วยกลยุทธ์ “ฟรีวีซ่า” ให้แมงเม่าบินเข้าไปใช้เงินในญี่ปุ่นได้นานครึ่งเดือน จนโอเคกับแผนตลาดต่างประเทศอีกเช่นกัน...

อาจจะกล่าวได้ว่า เอาแค่แมงเม่าจากไทยชาติเดียวปีหนึ่งก็ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคนเข้าไปแล้วกระมัง

ขณะเดียวกัน “อาเบะโนมิกส์” ก็หาได้ตั้งกำแพงปิดกั้นเงินสกุลเยนไหลออกไม่ คนญี่ปุ่นยังมีสิทธิ์เสรีไปเที่ยวฮาวายฟีเวอร์ แต่ขากลับต้องถูกตรวจเข้มป้องกันโควิด และเช่นเดียวกับทัวร์เมืองไทยตามกระแสอะเมซิ่งไทยแลนด์ ที่เปิด “ฟรีวีซ่า” ให้ทัวริสต์ญี่ปุ่นนาน 30 วันและต่อได้อีก 30 วัน...

จากเรกคอร์ดบันทึกข้อมูลปี 2562 ก่อนโควิดจะเล่นงาน เราได้ญี่ปุ่นเที่ยวไทย 1.78 ล้านคน พักเฉลี่ย 9.79 วัน ใช้เงินคนละ 5,358 บาทต่อวัน ทำให้มีรายได้รวม 93,758 ล้านบาท

...

“ปี 2565 แม้นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีล่าสุด พรรคแอลดีพียังเปิดรับนักท่องเที่ยวแบบจำกัดโควตาและต้องมากับกรุ๊ปทัวร์ด้วยหวั่นโควิดระบาด ปรากฏมีทัวร์ไทยมากับบริษัทนำเที่ยว 2 กรุ๊ปไปฮอกไกโด 24 คน อิบารากิอีก 77 คน รวม 101 คน”

เสกสรร บอกอีกว่า นี่ยังไม่นับนักธุรกิจ นักเรียน ผู้มีครอบครัวญี่ปุ่น ซึ่งได้สิทธิ์ที่เจ้าของประเทศเห็นแก่มนุษยธรรม...แต่ญี่ปุ่นทัวร์ไทยต้นปีนี้ถึงมิถุนายนอยู่ที่ 64,914 คน...ไทยยังได้ดุลท่องเที่ยวเหนือญี่ปุ่นอยู่โข

ถือเป็นหางเลขที่ไทยได้จาก “อาเบะโนมิกส์” ของ “ชินโสะ อาเบะ” นายกรัฐมนตรีคนที่ 57 ที่เติมเต็มให้ญี่ปุ่นแล้วยื่น “คูล เจแปน” ให้กับเรา...ตอนนี้คนญี่ปุ่นซึมเศร้าทั้งประเทศ เมื่อได้ยินเพลง “นาดา โซ โซ” ซึ่งแปลว่า “น้ำตาที่ไหลไม่รู้จบ”...เพราะการจากไปของชายวัย 67 ปีคนนี้.