โครงการศูนย์ศึกษาเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ม.ธรรมศาสตร์เชิญ ร.ต.อ. ดร.นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย พูด ‘นวัตกรรมการจัดบริการสาธารณะของท้องถิ่น’ รับใช้สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด สมาชิกสภาเทศบาล และสมาชิกสภาเมืองพัทยา รุ่นที่ 4 เวลา 13.00-16.00 น. วันพฤหัสบดี 9 มิถุนายน 2565 ณ สถาบันพัฒนา บุคลากรท้องถิ่น จ.ปทุมธานี
Welt am Sonntag นิตยสารรายสัปดาห์สัมภาษณ์ตัวแทนภาคอุตสาหกรรม เยอรมนี และการศึกษาจากหน่วยงานอื่นๆ พบว่ามาตรการของรัสเซียที่ตอบโต้เยอรมนีที่คว่ำบาตรก๊าซพรอมของรัสเซียอาจทำให้ผู้เสียภาษีเยอรมันและผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติต้องแบกภาระเพิ่มขึ้นอีก 5,000 ล้านยูโร หรือ 1.8 แสนล้านบาท สำหรับจ่ายค่าก๊าซทดแทน
รัสเซียในยุคของเยลต์ซิน (ค.ศ.1992-1999) ไม่มีแผนใดในการรับมือจากการกระทำของชาติตะวันตก จึงเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่แทบทุกเรื่อง แต่หลังจากที่ตั้งหลักได้ รัสเซียในยุคของปูตินมีความสุขุมลุ่มลึกในการจัดการปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะการบริหารความสัมพันธ์และการรับมือกับตะวันตก หากมองเผินๆจากสายตาของไอ้ปื๊ดลูกเจ๊น้องก้นซอยสอง ดูเหมือนว่ารัสเซียเป็นฝ่ายตั้งรับและเสียเปรียบ แต่สำหรับคนที่สนใจติดตามความเป็นไปของการต่อสู้กันบนเวทีระหว่างประเทศจะพบว่า บั้นปลายท้ายที่สุดรัสเซียเป็นฝ่ายได้ประโยชน์อย่างสงบราบเรียบเงียบสนิท
ข้อมูลของเอเอเอหรือสมาคมรถยนต์แห่งสหรัฐฯ (องค์กรไม่แสวงหากำไร) ที่ติดตามราคาตามสถานีบริการน้ำมันกว่า 6 หมื่นแห่งทั่วสหรัฐฯ พบว่าขณะนี้ราคาน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นมากกว่าเท่าตัว เมื่อเปรียบเทียบกับราคาน้ำมันเบนซินในวันที่ไบเดนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ (2.39 ดอลลาร์ต่อแกลลอน) ปัจจุบันราคา 6.29 ดอลลาร์ต่อแกลลอน ทั้งที่สหรัฐฯนำเข้าน้ำมันรัสเซียเพียงร้อยละ 8 จากการนำเข้าน้ำมันทั้งหมด ทว่าก็ยังกระทบต่อราคาน้ำมันที่คนอเมริกันต้องจ่าย
...
รัฐบาลของไบเดนพยายามแล้วพยายามอีกที่จะลดราคาเบนซินในประเทศ แต่ก็ไม่ได้ผล วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน 2022 นายลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียแถลงว่า มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯและตะวันตกไม่กระทบต่อการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย ในทางกลับกัน รัสเซียกลับมีกำไรอย่างมากมายมหาศาลจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯและตะวันตก คำแถลงของลาฟรอฟทำให้พวกชาติตะวันตกหน้าแหกแตกจนหมอไม่รับเย็บ โลกในยุคอินเตอร์เน็ตไม่มีใครซ่อนข้อเท็จจริงได้ ทุกองค์กร ทุกสถาบันต่างยอมรับว่าสิ่งที่ลาฟรอฟพูดเป็นความจริงทั้งสิ้น
แต่ก่อนง่อนชะไร สหรัฐฯ ‘ขี่’ ซาอุดีอาระเบียมาโดยตลอด สหรัฐฯชี้ไปที่กิ่งไม้ แล้วบอกว่านก ซาอุฯก็ต้องรีบตะโกนก้องร้องว่าจ้ะ นก นั่นนกจริงๆ ทว่าวันนี้ไม่ใช่แล้วครับ ซาอุฯไม่ได้ให้ค่าอิทธิพลของสหรัฐฯยิ่งใหญ่เหมือนในอดีต สหรัฐฯตะโกนว่ามกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน อยู่เบื้องหลังการฆ่านายจามาล คาช็อกกี พลเมืองอเมริกันผู้เป็นคอลัมนิสต์ด้านการต่างประเทศชื่อดังของวอชิงตันโพสต์ ความมุ่งหวังตั้งใจของสหรัฐฯก็คือต้องการเอาข้อหาดังกล่าวมาใช้ควบคุมมกุฎราชกุมารของซาอุฯ สหรัฐฯบอกว่าตนเองมีรายงานลับฉบับโน้นและฉบับนี้ที่สามารถจะกล่าวโทษมกุฎราชกุมารซาอุฯได้ แถมไบเดนยังขู่ว่าจะตรวจสอบการขึ้นราคาน้ำมันของรัฐบาลซาอุฯ
ถ้าเป็นสมัยก่อนตอนโน้น ซาอุฯก็คงจะตัวสั่นงันงก แล้วก็ทำตาม คำแนะนำ (คำสั่ง) ของสหรัฐฯ แต่วันนี้ไม่ใช่แล้วครับ มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ออกมาพูดชัดเจนว่า พระองค์ไม่มีส่วนเกี่ยวดองหนองยุ่งกับการสังหารนายคาช็อกกี ทว่าในฐานะที่เป็นผู้ปกครอง โดยพฤตินัยของซาอุฯ พระองค์ต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อเหตุสังหาร พอออกมาพูดอย่างตรงไปตรงมาอย่างนี้ สหรัฐฯก็ไม่มีเครื่องมือในการควบคุมซาอุฯ
ไบเดนจึงต้องง้อด้วยการบอกว่า อ้า ไอจะไปเยือนซาอุฯ ปลายมิถุนายนนี้นะจ๊ะ ที่ไบเดนต้องกระดิกพลิกตัวเพราะว่าราคาน้ำมันในสหรัฐฯพุ่งปรี๊ด จนประชาชนทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องง้อ.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com