อีลอน มัสก์ ขู่ล้มข้อตกลงซื้อบริษัท ทวิตเตอร์ อ้างว่าบริษัทละเมิดข้อตกลงด้วยการไม่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหา สแปมบอท ตามที่ตกลงกัน

เว็บไซต์ข่าว the verge รายงานว่า อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีซีอีโอของบริษัท เทสลา และสเปซเอ็กซ์ ส่งจดหมายถึงบริษัท ทวิตเตอร์ เมื่อเช้าวันจันทร์ที่ 6 มิ.ย. 2565 เพื่อแสดงความไม่พอใจ โดยอ้างว่ามีการละเมิดข้อตกลงซื้อทวิตเตอร์มูลค่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์อย่างชัดเจน และเขาอาจล้มข้อตกลงเพื่อเป็นการตอบโต้

ความเคลื่อนไหวของนายมัสก์เกิดขึ้นหลังจาก ทีมทนายความของเขาอ้างว่า ทวิตเตอร์ล้มเหลวในการมอบข้อมูลเกี่ยวกับปัญหา “สแปมบอท” (spam bot) ในบริการของทวิตเตอร์ แม้ว่านายมัสก์จะต้องได้รับข้อมูลดังกล่าวตามที่ตกลงกันไว้ภายใต้สัญญาซื้อบริษัทก็ตาม

“นายมัสก์เชื่อว่าทางทวิตเตอร์ยังคงขัดขืนและขัดขวางสิทธิ์ทางข้อมูลของเขา (และข้อผูกเรื่องความร่วมมือของบริษัท) ภายใต้ข้อตกลงรวมบริษัทอย่างแข็งขัน” ทนายความของนายมัสก์ระบุในจดหมาย ซึ่งมีข้อความเตือนด้วยว่า นายมัสก์อาจเลือกที่จะไม่ทำธุรกรรมให้เสร็จสมบูรณ์ เพราะการละเมิดข้อตกลงดังกล่าว

ทั้งนี้ นายมัสก์ออกมาแสดงความไม่พอใจเรื่องปัญหา สแปมบอท บนทวิตเตอร์มานานหลายสัปดาห์แล้ว จนเกิดข้อครหาว่าเขาพยายามหลีกหนีจากข้อตกลงที่เขาลงนามไปได้เพียง 1 เดือนหรือไม่ โดยก่อนหน้านี้ เขาก็เพิ่งทวีตข้อความระบุว่า ข้อตกลงซื้อทวิตเตอร์อยู่ในสถานะ ‘หยุดชั่วคราว’ เพราะความกังวลเรื่องบอท และว่าข้อตกลงไม่สามารถก้าวต่อไปได้ จนกว่าทวิตเตอร์จะพิสูจน์ความแม่นยำของระบบนับสแปมของตัวเองได้

...

แต่จดหมายฉบับนี้นับเป็นครั้งแรกที่นายมัสก์ขู่จะล้มข้อตกลงอย่างเป็นทางการ ทำให้นักวิเคราะห์ข้อมูลอย่าง แดเนียล ไอฟ์ส จากบริษัท Wedbush Securities ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า จดหมายดังกล่าวบ่งชี้ว่านายมัสก์กำลังหากทางออกจากข้อตกลงมูลค่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฉบับนี้

ขณะที่นาย ไบรอัน โปเลียคอฟ โฆษกของทวิตเตอร์ ยืนยันว่า ทางบริษัทให้ความร่วมมือกับนายมัสก์มาตลอด และจะแบ่งปันข้อมูลต่อไป โดยทางบริษัทมีความตั้งใจที่จะทำธุรกรรมให้เสร็จสิ้นและบังคับใช้ข้อตกลงรวมบริษัทในราคาและเงื่อนไขตามที่ตกลงกันเอาไว้

อนึ่ง สแปมบอท คือการใช้โปรแกรมอัตโนมัติส่งข้อความโดยไม่ได้รับอนุญาต เนื้อหาน่าสงสัย ก่อความรำคาญ หรือกระทั่งลิงก์ดูดข้อมูล ให้แก่ผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม (กรณีนี้คือทวิตเตอร์) ซึ่งทางทวิตเตอร์ประเมินว่า ในบรรดาผู้ใช้งานในแต่ละวัน มีผู้ใช้ที่เป็นบัญชีปลอมไม่ถึง 5%