เป็นหนึ่งในเจ้าหญิงโลกอาหรับที่จู่ๆก็หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย สำหรับ “เจ้าหญิงลัลลา ซัลมา” พระชายาผู้มาดมั่นของสมเด็จพระราชาธิบดีโมฮัมเหม็ดที่ 6 แห่งโมร็อกโก โดยเบาะแสสุดท้ายปรากฏตามสื่อคือ ตอนเสด็จเป็นผู้แทนพระองค์ไปร่วมพระราชพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายวิลเลียมกับเจ้าหญิงเคท ที่อังกฤษ เมื่อปี 2011 และเป็นเจ้าบ้านต้อนรับการมาเยือนอย่างเป็นทางการของอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งแห่งสหรัฐฯ “มิเชล โอบามา” ในปี 2016
ในบรรดาเจ้าหญิงโลกอาหรับ ไม่มีใครโดดเด่นเท่า “เจ้าหญิงลัลลา ซัลมา” ซึ่งได้รับการสนับสนุนเต็มที่จากพระสวามีให้ออกมาแสดงบทบาทต่อสาธารณชนอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยกษัตริย์โมร็อกโกทรงให้เกียรติพระชายายิ่งกว่ากษัตริย์รุ่นก่อนๆ และยอมฝ่าฝืนราชประเพณีหลายอย่าง รวมถึงการอภิเษกสมรสกับหญิงสามัญชน ไม่เพียงจะเป็นครั้งแรกที่มีการเปิดเผยพระนามของคู่ครองกษัตริย์ แต่ยังเป็นครั้งแรกอีกด้วยที่ประชาชนได้ยลโฉมพระชายาขององค์พระประมุข
เมื่อปี 2003 ตอนประกาศอภิเษกสมรสกับ “ซัลมา เบนนานี” วิศวกรคอมพิวเตอร์หญิง ที่มีอายุอ่อนกว่า 15 ปี ได้สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วโมร็อกโกจริงๆ เพราะหลายศตวรรษที่ผ่านมา กษัตริย์โมร็อกโกต่างถือว่าการอภิเษกสมรสคือความลับเฉพาะของพระราชวงศ์ และเจ้าสาวของกษัตริย์ก็จะถูกซ่อนตัวไว้อย่างมิดชิดที่สุดภายในพระราชวัง โลกภายนอกไม่มีทางได้ยลโฉม หรือรู้จักชื่อเสียงเรียงนามพระชายา
การปรากฏโฉมของ “เจ้าหญิงลัลลา ซัลมา” ในมาดทะมัดทะแมงไร้ซึ่งผ้าคลุมศีรษะตามธรรมเนียมหญิงอาหรับ จึงถือเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโมร็อกโก โดยก่อนที่เจ้าหญิงจะตกลงปลงใจอภิเษกสมรสกับกษัตริย์หนุ่ม ได้ตั้งเงื่อนไขสำคัญให้กษัตริย์โมร็อกโกปฏิบัติตามหลายข้อ อาทิ ต้องละทิ้งชีวิตสมรสแบบหนึ่งสามีหลายภรรยา, ห้ามขังเธอไว้ในพระราชวัง และต้องรับปากจะสนับสนุนสิทธิสตรีให้มากขึ้น ซึ่งตลอดเวลาที่ยังรักใคร่กันดี กษัตริย์หนุ่มทรงสนับสนุนให้พระชายาออกมาปฏิบัติพระกรณียกิจเพื่อแบ่งเบาพระราชภารกิจน้อยใหญ่อย่างต่อเนื่อง
...
ที่มาของภาพลักษณ์กษัตริย์ยุคใหม่หัวทันสมัย ต้องยกเครดิตให้ “เจ้าหญิงลัลลา ซัลมา” ไม่มากก็น้อย เจ้าหญิงทรงอยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงมากมายในโมร็อกโก รวมถึงเสนอแนะให้พระสวามีแก้ไขรัฐธรรมนูญสั่งห้ามผู้ชายมีภรรยาเกิน 4 คน ซึ่งทุกครั้งจะต้องผ่านการตรวจสอบสถานะทางการเงิน และได้รับความยินยอมจากภรรยาคนแรกด้วย นอกจากนี้เจ้าหญิงยังเปลี่ยนกฎที่ไม่ให้พระราชวงศ์หญิงปรากฏโฉมในที่สาธารณชน โดยเป็นโต้โผจัดงานสารพัด ออกมาให้สัมภาษณ์ และทำหน้าที่เจ้าบ้านให้การต้อนรับอาคันตุกะที่มาเยือนเสมอ อีกทั้งยังทรงทุ่มเทงานให้กับองค์กรสาธารณกุศลต่างๆ ทรงก่อตั้งสมาคมป้องกันมะเร็ง, อุทิศตนเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของเอชไอวีในแอฟริกา, เป็นทูตกิตติมศักดิ์ขององค์การอนามัยโลก และเป็นแม่งานใหญ่จัดเทศกาลดนตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองแฟ็ส หลายครั้งยังเสด็จฯเป็นผู้แทนพระองค์ไปปฏิบัติพระกรณียกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ แม้จะเป็นเวิร์กกิ้งมัมเต็มตัว แต่เจ้าหญิงก็ทรงเลี้ยงดูฟูมฟักองค์รัชทายาท “เจ้าชายมูเลย์ ฮัสซัน” และพระราชธิดา “เจ้าหญิงลัลลา คาดิยา” ให้เติบใหญ่ขึ้นอย่างงดงาม
ท่ามกลางปริศนาดำมืดเจ้าหญิงหายไปไหน? เมื่อปี 2018 มีกระแสข่าวลือหนาหู อ้างแหล่งข่าวในพระราชสำนัก กรุงราบัต ระบุว่า กษัตริย์โมร็อกโกทรงหย่าขาดจากพระชายาแล้ว หลังใช้ชีวิตด้วยกัน 16 ปี โดยมีหลักฐานยืนยันคือ ภาพประทับรักษาพระอาการประชวรขององค์กษัตริย์ ที่กรุงปารีส รายล้อมไปด้วยพระบรมวงศานุวงศ์โมร็อกโก ทว่ากลับไร้เงาพระชายา!! เพื่อสยบข่าวลือเรื่องการหย่าร้าง มีการปล่อยภาพเจ้าหญิงกับพระราชโอรสและพระราชธิดาผ่านสื่อท้องถิ่นหลายครั้งในปี 2019 เจ้าหญิงยังออกแถลงการณ์ร่วมกับพระสวามีปฏิเสธข่าวฟ้องหย่าที่ลือสะพัดโดยสื่อฝรั่งเศส กระนั้น เบาะแสท้ายสุดที่ปรากฏในเดือน ก.ย. 2019 ก่อนจะหายเข้ากลีบเมฆไปเลย มีเพียงภาพเจ้าหญิงกับพระราชโอรสและพระราชธิดาเดินอยู่ใกล้ๆเซ็นทรัลพาร์ค ใจกลางมหานครนิวยอร์ก ท่ามกลางการอารักขาอย่างเข้มงวดของบอดี้การ์ด.
มิสแซฟไฟร์