ดัชนีหุ้นใหญ่ทั้ง 3 ของสหรัฐฯ ร่วงหนักในวันพฤหัสบดี เหตุนักลงทุนยังคงไม่มั่นใจว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะแก้ปัญหาเงินเฟ้อได้ แม้จะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นครั้งเดียวมากสุดในรอบ 22 ปี
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 5 พ.ค. 2565 ในแดนลบ โดยดัชนีดาวโจนส์ ลดลง 1,063.09 จุด หรือราว 3.12% ปิดที่ 32,997.97 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วง 153.30 จุด หรือราว 3.56% ปิดที่ 4,146.87 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก ดิ่งแรง 647.16 จุด หรือราว 4.99% ปิดที่ 12,317.69 จุด
ความเคลื่อนไหวล่าสุดเกิดขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานรวดเร็ว 0.50% เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2543 เพื่อหาทางควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงที่สุดในรอบ 40 ปี และประกาศแผนเริ่มลดงบดุล (balance sheet) ในเดือนมิถุนายน ส่งผลให้เมื่อวันพุธดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวพุ่งขึ้นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามในวันพฤหัสบดี วอลล์สตรีทดิ่งลงตั้งแต่เปิดตลาด และลบการเพิ่มขึ้นของเมื่อวันพุธไปทั้งหมดในช่วงเที่ยงวัน และลดลงไปอีกหลังจากนั้น ก่อนจะปรับขึ้นเล็กน้อยในช่วงปิดการซื้อขาย โดยนักวิคราะห์มองว่าเป็นเพราะนักลงทุนมีเวลาคิดทบทวนมากขึ้น และพบว่าความไม่แน่นอนยังมีอีกมากมาย
นายแซค สตีน หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนของบริษัท Carbon Collective ระบุว่า การเทขายในวันพฤหัสบดีบ่งชี้ว่า ความเคลื่อนไหวของตลาดหลังการประชุมนโยบายเฟดเมื่อวันพุธเป็นเพียงการเพิ่มขึ้นเพราะโล่งใจเท่านั้น แต่เรายังไม่พ้นวิกฤติแต่อย่างใด เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนอีกมากมายว่า มาตรการของเฟดจะควบคุมเงินเฟ้อโดยไม่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศถดถอยได้อย่างไร
“ความกังวลที่ทำให้ตลาดหุ้นต้องปรับฐานหลายครั้งตลอด 2-3 เดือนที่ผ่านมาอย่าง เงินเฟ้อ, สงครามรัสเซียกับยูเครน และการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน ยังคงอยู่กับเรา และยังไม่ได้รับการแก้ไข” นายสตีน ระบุ.
...
ที่มา : yahoo