สงครามรัสเซียกับยูเครน โดย สหรัฐฯ อังกฤษ นาโต ยุโรปหนุนหลังยูเครน ซึ่งเข้าสู่เดือนที่สองแล้ว กองทัพรัสเซียยังไม่สามารถยึด กรุงเคียฟ เมืองหลวงยูเครนได้ สงครามยิ่งยืดเยื้อ

ผู้นำโลกยิ่งเมามัน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ แทนที่จะไกล่เกลี่ยขึ้นโต๊ะเจรจา กลับยุให้ทำสงครามกันเต็มที่ ล่าสุดเยาะเย้ย ประธานาธิบดีปูติน ผู้นำรัสเซีย ว่า กำลังตกอยู่ในสภาพหลังชนฝา เป็นไปได้ที่ปูตินจะใช้อาวุธเคมีและอาวุธชีวภาพ

นายเซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ก็โฆษณาชวนเชื่อทุกวัน ร้องขอให้สหรัฐฯช่วยร้องขอนาโตเข้าเป็นสมาชิก ทั้งที่ถูกปฏิเสธมาตลอด ประกาศจะสู้จนยูเครนพังราบเป็นหน้ากอง โดยไม่สนใจชีวิตของประชาชน ยิ่งยุ ประธานาธิบดีปูติน ก็ยิ่งโจมตีหนักขึ้น ล่าสุดถล่มด้วยขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง ทำให้ชาวยูเครนล้มตายและอพยพลี้ภัยกว่า 10 ล้านคน

พฤติกรรม กระหายสงคราม และ ต้องการเอาชนะ ของผู้นำโลกครั้งนี้ ทำให้ผมรู้สึกว่าผู้นำเหล่านี้กำลัง “ป่วยทางจิต” เหมือน

ฮิตเลอร์ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือไม่

ก่อนที่ ประธานาธิบดีไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ จะเดินทางไปร่วมประชุมนาโตที่กรุงบรัสเซลส์ เบลเยียม ผู้นำสหรัฐฯได้คุยโทรศัพท์กับผู้นำฝรั่งเศส เยอรมนี อังกฤษ เพื่อแสวงหาจุดยืนร่วมกันระหว่างสหรัฐฯกับชาติตะวันตกว่า จะจัดการกับรัสเซียต่อไปอย่างไรดี หลังจากที่ร่วมกันคว่ำบาตรรัสเซียตัดออกจากระบบการโอนเงินโลกและการค้า แทนที่จะหารือให้เกิดการสงบศึก

โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ ได้กล่าวสุนทรพจน์ใน Business Round table ก่อนไปประชุมนาโตว่า โลกกำลังอยู่ในช่วงจุดเปลี่ยนสำคัญ ซึ่งจะเกิดขึ้นทุกสามหรือสี่ชั่วอายุคน “ระเบียบโลกใหม่” (New World Order) กำลังจะเกิดขึ้น และ เรา (สหรัฐฯ) จะเป็นผู้นำ (การจัดระเบียบโลกใหม่) เราจึงจำเป็นต้อง สร้างเอกภาพของประเทศโลกเสรี ในการทำเช่นนี้ ระเบียบโลกใหม่จะต้องชี้นำโดยประเทศในโลกเสรีที่นำโดยสหรัฐฯ

...

คำพูดเหล่านี้สะท้อนว่า ประธานาธิบดีไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ กำลังหลงตัวเองว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ภาษาชาวบ้านเรียกว่าบ้าอำนาจ เป็นอาการป่วยทางจิตที่เรียกว่า Narcissism เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ สำนักข่าววีโอเอของสหรัฐฯ เคยรายงานว่า หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ (CIA) มีหน่วยงานเฉพาะกิจสำหรับ วิเคราะห์สุขภาพจิตและพฤติกรรมของผู้นำต่างชาติ

เพื่อดูว่ามีอาการผิดปกติทางจิตหรือไม่ เพื่อนำไปวิเคราะห์ล่วงหน้าว่าผู้นำคนนั้นจะตัดสินใจในสถานการณ์ต่างๆอย่างไร โดยวิเคราะห์ตั้งแต่คำพูด นํ้าเสียง เหตุผล และพฤติกรรมต่างๆ หน่วยงานนี้เรียกว่า CIA’s Medical and Psychological Analysis Center (MPAC)

ซีไอเอใช้หน่วยงาน MPAC วิเคราะห์สุขภาพจิตของผู้นำต่างชาติในแนวลึก เพื่อใช้เป็นข้อมูลเชิงวิเคราะห์ ช่วยรัฐบาลสหรัฐฯในการคาดการณ์ด้านความมั่นคง และ การเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลประเทศนั้นๆ ได้ล่วงหน้า และ ยังช่วยสหรัฐฯวางแผนด้านความสัมพันธ์ทางการทูตด้วย ป่านนี้ MPAC คงวิเคราะห์ ประธานาธิบดีเซเลนสกี ผู้นำยูเครน และ ประธานาธิบดีปูติน ผู้นำรัสเซีย ทะลุปรุโปร่งไปแล้ว ประธานาธิบดีไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ จึงกล้าเล่นบทแข็งกร้าวต่อรัสเซีย และ ไม่แยแสผู้นำตลกยูเครน

ดร.เจอราด โพสต์ นักจิตวิทยาที่มีบทบาทสำคัญในหน่วยงาน “สายลับสุขภาพ” ของซีไอเอมาหลายสิบปี เป็นผู้รวบรวมบทวิเคราะห์ทางจิตวิทยาของ ประธานาธิบดีอันวา ซาดัต ผู้นำอียิปต์ นายเมนาเฮ นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ให้กับ ประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ ตอนที่ผู้นำสหรัฐฯเป็นตัวกลางเจรจาสันติภาพระหว่างอียิปต์กับอิสราเอลจนนำไปสู่ ข้อตกลงแคมป์เดวิด 1978 กล่าวว่า สุขภาพกายและสุขภาพจิตของ

ผู้นำเกี่ยวพันกันอย่างลึกซึ้ง ผู้นำที่เจ็บป่วยด้วยโรคร้ายอาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดได้อย่างมหันต์

ผมหวังเป็นอย่างยิ่งสองผู้นำ ไบเดน และ ปูติน จะ ไม่ป่วยหนักทางจิต จนถึงขั้น เปิดสงครามนิวเคลียร์ทำลายล้างโลก อย่างที่วิตกกันนะครับ อมิตาพุทธ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”