กระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่นเผยเมื่อ 25 ก.พ. ว่าอัตราการเกิดของประชากรญี่ปุ่นลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2564 ลดลงติดต่อกันเป็นปีที่ 6 โดยมีเด็กเกิดใหม่เพียง 842,897 คน น้อยกว่าปีก่อน 3.4 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่การแต่งงานยังลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยิ่งส่งให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก
ตัวเลขดังกล่าวมาจากทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น รวมทั้งชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ โดยอัตราการเจริญพันธุ์ปีที่แล้วอยู่ที่ 1.33 คน ต่ำกว่าเป้า 1.8 คน ในปี 2568 อย่างมากและต่ำกว่าอัตราการทดแทนที่ 2.1 คน ซึ่งจำเป็นต่อการรักษาจำนวนประชากรให้คงที่ โดยช่วงที่การเกิดลดลงมากสุดคือเดือน ม.ค.-ก.พ. ซึ่งหมายความว่ามารดาตั้งครรภ์ในเดือนเม.ย.-พ.ค. 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่ญี่ปุ่นอยู่ในภาวะฉุกเฉินจากโควิด-19 ครั้งแรก แม้ว่าอัตราการเกิดจะเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีแต่ก็ยังต่ำกว่าระดับก่อนเกิดการระบาด
นายฟุมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นพยายามแก้ไขปัญหา โดยมุ่งผลักดันการขึ้นค่าแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ชนชั้นกลาง รวมถึงการเปิดตัวหน่วยงานใหม่เพื่อรับผิดชอบกิจการเด็กและครอบครัวแบบครบวงจรในที่เดียวในเดือน เม.ย.ปีหน้า ขณะที่แนวทางแบนด์-เอด ที่พ่อแม่สามารถลางานเพื่อดูแลลูกได้นาน 1 ปี และรับเงิน 80 เปอร์เซ็นต์ของค่าจ้างผ่านการประกันแรงงานและสวัสดิการของรัฐยังไม่เพียงพอในการแก้ปัญหา