ใครอยากจะเก็บภาษีคริปโตเคอร์เรนซีก็เก็บไป แต่คงสกัดความร้อนแรงได้ยาก เพราะขนาดบิทคอยน์ดิ่งหนักกว่า 50% แต่กองทุนสุดฮอตแห่งยุค “ARK Invest” ของ “แคธี วูด” ยังฟันธงว่า “บิทคอยน์” จะมีราคาพุ่งถึง 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ภายใน 8 ปี แม่เจ้า!! ถ้าทะยานไปถึงเป้าหมายจริง “ฉางเผิง จ้าว” หรือ “CZ” ซีอีโอ ผู้ก่อตั้ง “Binance” แพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอันดับหนึ่งของโลก คงขี่จรวดขึ้นแท่นเป็นมหาเศรษฐีไฮเทคที่รวยที่สุดเป็นเบอร์หนึ่งของโลก แซงหน้าแชมป์เก่าทั้งซิลิคอนวัลเลย์
ถือเป็นครั้งแรกที่บลูมเบิร์กประเมินทรัพย์สินของเศรษฐีที่ร่ำรวยจากแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยจากการจัดอันดับล่าสุดของดัชนี “บลูมเบิร์ก บิลเลียนแนร์ส อินเด็กซ์” บ่งชี้ว่า ปัจจุบัน “CZ” มีทรัพย์สินในครอบครองราว 96,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไล่มาติดๆกับ “มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก” ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก ที่มีทรัพย์สิน 110,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หนุนส่งให้เจ้าพ่อไบแนนซ์กลายเป็นมหาเศรษฐีรวยที่สุดอันดับหนึ่งของแคนาดา และรวยเป็นอันดับที่ 14 ของโลก ส่วนมหาเศรษฐีนัมเบอร์วันโลกยังรั้งตำแหน่งโดย “อีลอน มัสก์” ด้วยทรัพย์สินมากกว่า 216,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต้องขีดเส้นใต้ตัวโตๆว่าทรัพย์สินที่ประเมินนี้ยังไม่รวมมูลค่าคริปโตส่วนตัวที่ “CZ” ซุกไว้เต็มกระเป๋า
...
แม้ “CZ” จะเป็นไอดอลของคนรุ่นใหม่ และสัญลักษณ์ของการสร้างความมั่งคั่งในยุคดิจิทัล แต่เจ้าพ่อไบแนนซ์กลับไม่ขอพูดถึงอันดับความร่ำรวย เพียงชี้ว่าตลาดคริปโตยังอยู่ในช่วงกำลังเติบโต บริษัทไบแนนซ์มีรายได้มากกว่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีที่แล้ว กระนั้น คริปโตมีความผันผวนสูง ตัวเลขที่ได้ยินในวันนี้ อาจจะแตกต่างจากตัวเลขที่คุณได้ยินในวันพรุ่งนี้
ไม่ธรรมเลย!! จากเด็กปั๊มและพนักงานขายแมคโดนัลด์ ก้าวสู่การเป็นมหาเศรษฐีไฮเทคชั้นนำของโลก ด้วยวัยเพียง 44 ปี “ฉางเผิง จ้าว” เกิดที่มณฑลเจียงซูของจีน บิดาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เจอพิษการเมืองในช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม ทำให้ต้องอพยพครอบครัวไปอยู่ในชนบท กระทั่งอายุ 12 ปี ได้ติดตามครอบครัวลี้ภัยไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ปัจจุบันถือสัญชาติแคนาเดียน สมัยเรียนไฮสกูลเขาต้องหารายได้เสริมช่วยครอบครัว โดยรับจ็อบเป็นเด็กปั๊มน้ำมัน และพนักงานขายแมคโดนัลด์
“CZ” สนใจเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการเงินตั้งแต่เด็ก จึงเลือกเรียนสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ที่มหาวิทยาลัยแมคกิลล์ ใน
มอนทรีออล เริ่มทำงานแรกเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ซื้อขายหุ้นที่ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ก่อนจะมาเป็นนักออกแบบระบบซื้อขายล่วงหน้าให้ “บลูมเบิร์ก เทรดบุ๊ก” โบรกเกอร์ที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุนชื่อดังของนิวยอร์ก หลังเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านฟินเทคอยู่หลายปี เขาตัดสินใจย้ายกลับมาอยู่เซี่ยงไฮ้ เพื่อก่อตั้งบริษัทสตาร์ตอัพ “Fusion Systems” ร่วมกับเพื่อน โดยเน้นการพัฒนาแพลตฟอร์มซื้อขายหุ้นให้โบรกเกอร์ ถือเป็นหนึ่งในระบบซื้อขายหุ้นที่ทำธุรกรรมพร้อมกันได้รวดเร็วที่สุดในโลก
อย่างไรก็ดี โลกของ “CZ” เปลี่ยนไปอย่างไม่มีวันเหมือนเดิม ทันทีที่เขาพบรักกับบล็อกเชนและคริปโต โดยเพื่อนสนิทที่เล่นไพ่โป๊กเกอร์ด้วยกัน แนะนำให้ลงทุนในบิทคอยน์เป็นครั้งแรก เมื่อปี 2013 เขาทุ่มเทศึกษาเรื่องบิทคอยน์ และพยายามโน้มน้าวหุ้นส่วนสตาร์ตอัพให้ลงทุนในคริปโต แต่ไม่มีใครเอาด้วย ในที่สุดเขาตัดสินใจลาออกจากบริษัท พร้อมขายบ้านที่เซี่ยงไฮ้ นำเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มาลงทุนในบิทคอยน์ จากนั้นก็กระโดดเข้าสู่อุตสาหกรรมบล็อกเชนเต็มตัว ได้ร่วมงานกับแพลตฟอร์มซื้อขายเงินคริปโตยุคบุกเบิก “blockchain.info” ก่อนจะย้ายมาเป็น CTO ให้กับ “OKCoin” เมื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์พร้อมเต็มที่ จึงตัดสินใจเปิดบริษัทไบแนนซ์ ในปี 2017 โดยระดมทุนจากการออกเหรียญทำ ICO ได้ 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังเปิดกิจการแค่ 2 เดือน บริษัทก็เจอมรสุมใหญ่ เมื่อรัฐบาลจีนสั่งห้ามซื้อขายบิทคอยน์ภายในประเทศ บีบให้ “CZ” และทีมงานทั้งหมด ต้องอพยพจากเซี่ยงไฮ้ไปอยู่ที่โตเกียว ก่อนจะย้ายไปไต้หวัน และปลุกปั้นไบแนนซ์ให้เติบโตอย่างรวดเร็ว กลายเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีวอลุ่มการเทรดมากที่สุดในโลก แม้แต่นิตยสารฟอร์บส์ยังต้องเชิญ “CZ” ขึ้นปก เมื่อปี 2018 ในฐานะมหาเศรษฐีดาวรุ่งแห่งวงการคริปโต
ถึงจะร่ำรวยติดอันดับโลก แต่ “CZ” ก็ยังอาศัยอยู่ในบ้านเช่า ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว ชอบใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นกับรองเท้าแตะเป็นซิกเนเจอร์ ทรัพย์สินเกือบทั้งหมดของเขาอยู่ในรูปแบบคริปโตเคอร์เรนซี และแน่นอนว่าเขาไม่มีเงินสด และไม่มีเงินฝากธนาคาร จะใช้จ่ายทุกอย่างผ่านคริปโตเท่านั้น...รวยแล้วต้องรู้จักแบ่งปันให้โลกด้วย เรื่องนี้ “CZ” ก็เป็นแบบอย่างเช่นกัน เขาเพิ่งให้สัมภาษณ์ว่า มีแผนจะบริจาคความมั่งคั่ง 99% ให้องค์กรการกุศล.
มิสแซฟไฟร์