แอมะซอน บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ หนึ่งในองค์กรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ จากธุรกิจอีคอม เมิร์ซ ต่อยอดสู่คลาวด์คอมพิวติง, สตรีมมิง, อุปกรณ์อัจฉริยะ และอีกมาก ประกาศเดินหน้า ผลักดันธุรกิจแฟชั่นให้เติบโตอีกครั้ง ด้วยการเปิด “ร้านเสื้อผ้า” แบบมีหน้าร้านเป็นครั้งแรกในปลายปีนี้
ที่ผ่านมาแอมะซอนประสบความสำเร็จในการขายเครื่องแต่งกายออนไลน์ นับแต่ปี 2545 ด้วยสินค้าเบสิกที่มีให้เลือกหลากหลายทั้งจากแบรนด์ยอดนิยม แบรนด์ของตัวเอง รวมไปถึงแฟชั่นหรูระดับพรีเมียม จนขึ้นเป็นผู้ค้าปลีกเครื่องแต่งกายรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ขณะที่ก่อนหน้านี้ได้เปิดร้าน “Amazon Books” ร้านหนังสือที่มีหน้าร้านจริงในซีแอตเติล เมื่อปี 2558 ตามมาด้วยการซื้อกิจการ “Whole Foods Market” เชนฟู้ดสโตร์ เพื่อสุขภาพรายใหญ่สุดลือลั่นด้วยมูลค่าสูงถึง 13.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตอกย้ำแผนขยายธุรกิจมายังรูปแบบที่มี หน้าร้านจริง
ในร้าน “แอมะซอน สไตล์” จะมีเสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องประดับสำหรับสตรีและบุรุษ จากหลากหลายแบรนด์ดัง รวมถึงสินค้าไพรเวท แบรนด์ให้ลูกค้าจับจ่ายได้ในราคาตั้งแต่ 10 เหรียญ ไปจนถึง 400 เหรียญ บนพื้นที่ราว 2,787 ตารางเมตร ในย่านชานเมืองลอสแอนเจลิส ที่เมืองเกล็นเดล รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่แอมะซอนคาดหวังว่าด้วยแนวคิดใหม่จะสามารถช่วยแก้ปัญหาที่มักพบเจอในร้านขายเสื้อผ้าทั่วไปได้ ไม่ว่าจะปัญหาห้องลองไม่เพียงพอ ความแออัด ยุ่งเหยิง ไม่เป็นระเบียบ แม้กระทั่งหาสินค้า ไม่พบด้วย “สมาร์ทโฟน” เพียงเครื่องเดียว
เมื่อเดินเข้ามาในร้านจะพบว่าจัดแสดงสินค้าเพียงแบบละ 1 ชิ้น ลูกค้าสามารถสแกนรหัสคิวอาร์ เพื่อดูขนาด สี และการให้คะแนนของลูกค้ารายอื่น รวมถึงรายละเอียดเพิ่มเติมของผลิตภัณฑ์ และเมื่อเจอสินค้าที่ถูกใจก็เพียงแตะปุ่มในแอปพลิเคชัน “แอมะซอน ช็อปปิ้ง” จากนั้นรายการที่เลือกจะถูกส่งไปยังเคาน์เตอร์รับของ หรือห้องลองโดยไม่ต้องเสียเวลาคุ้ยหาที่ชั้นวางสินค้า นอกจากนี้ แอมะซอนยังใช้อัลกอริทึม เพื่อแนะนำสินค้าที่คิดว่าอาจชอบเพิ่มเติม และยังมีแผนให้คำแนะนำแบบเรียลไทม์ขณะซื้อสินค้า โดยใช้ข้อมูลจากพฤติกรรมการ ท่องเว็บและความชอบที่รวบรวมจากแอป ส่วนในห้องลองยังมีหน้าจอสัมผัส เพื่อขอสินค้าเพิ่มได้ โดยไม่ต้องออกมาจากห้อง
...
นอกจากจะเสนอประสบการณ์การช็อปปิ้งสุดพิเศษไม่เหมือนใครตามที่แอมะซอนคาดหวังแล้ว นักวิเคราะห์ยังมองว่าร้านเสื้อผ้าที่มีหน้าร้านจริงจะทำให้แอมะซอนเข้าถึงลูกค้าที่ต้องการซื้อของด้วยตัวเองและยังช่วยผลักดันการเติบโตของสินค้าไพรเวทแบรนด์ของแอมะซอนที่ทำกำไรได้มากกว่าแบรนด์ทั่วไป แต่มักไม่เป็นที่รู้จัก ขณะที่ปริมาณการซื้อของจากร้านค้าจริงยัง คงมีสัดส่วนมากกว่า 85% ของยอดขายปลีกในสหรัฐฯอีกด้วย.
อมรดา พงศ์อุทัย