องค์กรการจัดการการลงทุนระดับโลก แฟรงคลิน เทมเพิลตัน จัดงานเสวนาด้านการลงทุนที่โดดเด่นที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศการลงทุนทั่วโลก ผมอ่านข้อมูลของผู้บรรยายสำคัญหลายท่าน เช่น ของนายแจ็ค พี. แมคอินไทร์ ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอจากแบรนดีไวน์ โกลบอล ที่สรุปว่าเศรษฐกิจจีนจะช่วยขับเคลื่อนโลก ส่วนของนายมาณราช ซีคอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการลงทุนจากแฟรงคลิน เทมเพิลตัน อิเมอจิง มาร์เก็ตส์ อีควิตี บอกว่า จีนจะกลายเป็นเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีก 10-15 ปีข้างหน้า

คนดังของโลกที่คร่ำหวอดอยู่ในด้านการลงทุนต่างฟันธงเหมือนกันว่า จีนจะเป็นประเทศที่มีเขตเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 1 ของโลก เปิดฟ้าส่องโลกขอนำประวัติของผู้นำจีนรุ่น 3 4 และ 5 มารับใช้เพื่อให้เห็นว่า ผู้นำสำคัญต่อความเจริญหรือความตกต่ำของประเทศอย่างไร

ผู้นำจีนรุ่น 1 คือเหมาเจ๋อตง รุ่น 2 คือเติ้งเสี่ยวผิง รุ่น 3 คือเจียงเจ๋อหมิน รุ่น 4 คือหูจิ่นเทา และรุ่น 5 คือสีจิ้นผิง จีนมีกระบวนการคัดคนมาเป็นผู้นำประเทศที่มีประชากรมากกว่าพันล้านอย่างเข้มข้น จึงสามารถฉุดประเทศขึ้นมาสู่ความเป็นเขตเศรษฐกิจอันดับ 1 ของโลกได้

เจียงเจ๋อหมินเป็นผู้นำรุ่น 3 (แต่เป็นประธานาธิบดีคนที่ 5 ของสาธารณรัฐประชาชนจีน) เจียงมีความเชื่อว่า ถ้าจะนำจีนไปสู่ความเป็นสากลจะต้องปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับต่างประเทศ เขียนให้เข้าใจง่ายก็คือ เจียงเป็นคนสั่งให้ปฏิรูปความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของจีนใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์กับสหรัฐฯและรัสเซีย

การต้องต่อสู้กับอำนาจเก่าและญี่ปุ่นทำให้พรรคคอมมิวนิสต์ซึ่งเป็นฝ่ายอำนาจใหม่ของจีนให้การยอมรับลูกหลานวีรชน พ่อของเจียงมีลูกหลายคน เจียงชางชิงซึ่งเป็นลุงแท้ๆ จึงเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระด้วยการรับเจียงเจ๋อหมินเป็นบุตรบุญธรรม ต่อมาเจียงชางชิง ตายในระหว่างสงครามจีน-ญี่ปุ่น จึงได้รับการยกย่องให้เป็นวีรชน การเป็นลูกบุญธรรมของวีรชนทำให้เจียงได้รับการพิจารณาให้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญในพรรคคอมมิวนิสต์จีน

...

การศึกษาเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เติ้งเสี่ยวผิง ผู้นำรุ่น 2 วางมาตรฐานคุณสมบัติของคนที่จะก้าวมาเป็นผู้นำเอาไว้ 1 ในคุณสมบัติสำคัญก็คือ ผู้นำต้องสำเร็จการศึกษาจากสถาบันอันดับต้นของประเทศ เจียงจบปริญญาตรีวิศวกรรมไฟฟ้าที่มหาวิทยาลัยเจียวถงซ่างไห่ หลังจากทำงานได้พักหนึ่ง ก็ถูกส่งไปฝึกงานในโรงงานผลิตรถยนต์สตาลินที่กรุงมอสโก และกลับมาทำงานในโรงงานผลิตรถยนต์หมายเลข 1 ที่ฉางชุน

40 ปีที่แล้ว จีนอ่อนเรื่องการต่างประเทศ เติ้งกำหนดว่าคนที่จะขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญจะต้องผ่านงานการต่างประเทศและการค้าระหว่างประเทศ เจียงเองแม้จะเป็นวิศวกรไฟฟ้า แต่ก็ถูกส่งไปเป็นอธิบดีกรมการต่างประเทศ รองประธานคณะกรรมการสินค้าเข้าและสินค้าออก รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมไฟฟ้า นายกเทศมนตรีนครซ่างไห่ รวมทั้งเป็นหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์จีนสาขาซ่างไห่

เจียงเป็นคนก่อตั้งสายการบินซ่างไห่และสายการบินตงฝาง ซึ่งต่อมากลายเป็นสายการบินสำคัญของชาติ เป็นคนขอให้ขยายสำนักงานใหญ่ธนาคารเป่ย์จิงมายังซ่างไห่ ทำให้ซ่างไห่เป็นศูนย์กลางการเงินยุคใหม่ เป็นคนเปิดตลาดหุ้นในซ่างไห่ซึ่งเป็นตลาดหุ้นแห่งที่ 2 ของจีนถัดจากเซินเจิ้น เจียงเป็นนายกเทศมนตรีที่ทำให้ซ่างไห่กลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ

จะก้าวเข้าสังคมโลก ต้องให้คนภายนอกเข้าใจจีน เจียงจึงสั่งให้ผลิตรายการโทรทัศน์และข่าวภาคภาษาอังกฤษเป็นคนแรก เรื่องของเจียงยังมีอีกมาก คนที่จะผลักดันประเทศให้เดินไปข้างหน้าให้ทันโลกและให้ก้าวนำหน้าโลกนั้น ต้องเป็นคนเก่งและมีผลงานที่สำเร็จแล้วมาอย่างยาวนาน ประเทศถอยหลังทั้งหลาย ท่านไปสืบประวัติดูเถิดครับ มีไอ้ปื๊ดไร้น้ำยาเป็นผู้นำทั้งนั้น.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com