การชุมนุมประท้วงมาตรการล็อกดาวน์ในเนเธอร์แลนด์ กลายเป็นเหตุจลาจล เมื่อผู้ประท้วงมีการจุดไฟเผารถตำรวจ ขณะที่ตำรวจยิงปืนขู่ จนมีผู้บาดเจ็บหลายราย
ตำรวจเนเธอร์แลนด์ยิงปืนขู่หลายนัด หลังการชุมนุมประท้วงมาตรการล็อกดาวน์ในเมืองรอตเทอร์ดาม เนเธอร์แลนด์ลุกลามบานปลายกลายเป็นเหตุจลาจลย่อมๆ มีการจุดไฟเผารถตำรวจ และขว้างปาก้อนหินใส่เจ้าหน้าที่ ทำให้เจ้าหน้าที่มีการยิงปืนเพื่อระงับเหตุ จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 7 คน ในจำนวนนี้มีตำรวจรวมอยู่ด้วย และมีรายงานผู้ประท้วงถูกจับกุมหลายสิบคน
โดยการประท้วงครั้งนี้มีขึ้นจากกระแสความไม่พอใจที่รัฐบาลประกาศแผนที่จะจำกัดการเข้าใช้สถานที่ต่างๆ สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน อีกทั้งยังมีการนำมาตรการล็อกดาวน์กลับมาใช้บางส่วน โดยจะมีการล็อกดาวน์ร้านอาหาร ร้านค้าและสถานที่ออกกำลังกายอย่างน้อย 3 สัปดาห์ ซึ่งนับเป็นประเทศในยุโรปตะวันตกประเทศแรกที่เริ่มนำมาตรการล็อกดาวน์กลับมาใช้อีกครั้ง
...
ด้านนายอาเหม็ด อะเบาท์เทเลบ ชี้ว่าเหตุจลาจลครั้งนี้เป็นการใช้ความรุนแรงอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ตำรวจต้องนำอาวุธออกมาใช้เพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง ขณะที่ทางตำรวจออกแถลงการณ์ว่าการชุมนุมเกิดการบานปลายจนเป็นเหตุจลาจล ทำให้เกิดการใช้อาวุธปืนในหลายจุด เนื่องจากตำรวจต้องยิงเตือนหลายครั้ง ทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายราย โดยมีตัวเลขอย่างเป็นทางการแค่ 2 คน
ทั้งนี้ ทางการรอตเทอร์ดามได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และออกคำสั่งห้ามการรวมตัวกันของประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจลสามารถเข้าควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในความสงบได้เกือบทั้งหมด แต่ยังเห็นควันไฟจากการเผาทำลายข้าวของลอยคลุ้ง มีรถตำรวจถูกเผา และรถจักรยานถูกทำลายพังเสียหายหลายคัน โดยพื้นที่เกิดเหตุได้ถูกปิดล้อมไว้ เพื่อให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าไปตรวจสอบต่อไป
โดยเนเธอร์แลนด์พบการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 เหมือนกับอีกหลายประเทศในแถบยุโรป ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยมีรายงานผู้ติดเชื้อมากกว่า 21,000 รายเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านอย่างเยอรมนี ก็ใช้มาตรการล็อกดาวน์บางส่วนเช่นเดียวกัน ขณะที่ออสเตรียมีการขยายมาตรการเป็นการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบแล้ว หลังสถานการณ์เลวร้ายลง.
ที่มา :แชนแนลนิวส์เอเชีย