เฟซบุ๊ก โซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่ของโลก ประกาศถอดระบบการจดจำใบหน้าที่ใช้ระบุตัวตนในภาพถ่ายและคลิปวิดีโอในบัญชีผู้ใช้งานกว่า 1,000 ล้านคนทั่วโลก ภายในเดือน ธ.ค.นี้ หลังเกิดกระแสข้อกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับจริยธรรมพร้อมประเด็นคำถามเรื่องสิทธิส่วนบุคคล อคติทางสีผิวและความแม่นยำ รวมถึงการนำไปใช้ในทางที่ผิดของฝ่ายรัฐบาล ตำรวจและกลุ่มอื่นๆ
ทั้งนี้ ผลการศึกษาเมื่อปี 2562 โดยสถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติของสหรัฐฯ (NIST) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลที่ดำเนินการโดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ชี้ให้เห็นว่าอัลกอริทึม การจดจำใบหน้าของเฟซบุ๊กมีความแม่นยำลดน้อยลงเมื่อใช้ในการระบุใบหน้าชาวแอฟริกัน-อเมริกัน กับใบหน้าของชาวเอเชีย หากเทียบกับใบหน้าของคนผิวขาว โดยเฉพาะในกลุ่มสตรีชาวแอฟริกัน-อเมริกันที่มีแนวโน้มระบุใบหน้าผิดพลาดมากกว่า เมื่อปี 2562 เฟซบุ๊กก็ไกล่เกลี่ยคดีความที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปี 2558 โดยยินยอมจ่ายเงินจำนวน 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 18,150 ล้านบาท ให้กับกลุ่มผู้ใช้ในรัฐอิลลินอยส์ ที่ฟ้องศาลว่าระบบจดจำใบหน้าเข้าข่ายละเมิดกฎหมายความเป็นส่วนตัวของรัฐ.