ธนาคารยักษ์ใหญ่ของโลกหลายเจ้า ต่างออกมาตัดลดการคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีน หลังเกิดวิกฤติขาดแคลนพลังงาน จนต้องตัดไฟชาวบ้านและโรงงาน

สำนักข่าว บีบีซี รายงานเมื่อ 28 ก.ย. 2564 ว่า โกลด์แมน แซคส์ กลายเป็นธนาคารยักษ์ใหญ่ของโลกรายล่าสุดที่ออกมาตัดลดการคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีน โดยลดจากเดิมที่ 8.2% ในปีนี้ เหลือ 7.8% เนื่องจากผลผลิตภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ลดลงเนื่องจากวิกฤติขาดแคลนพลังงาน กำลังสร้างแรงกดดันในเชิงลบอย่างมีนัยสำคัญ โดยพวกเขาคาดว่ากิจกรรมภาคอุตสาหกรรมในจีนถึง 44% ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้

ปัญหาการขาดแคลนพลังงานครั้งล่าสุดในจีน ซึ่งเป็นผลมาจาก ข้อจำกัดด้านอุปทาน, ราคาที่พุ่งสูง และมาตรการควบคุมมลพิษอันเข้มงวด ทำให้บ้านเรือนและโรงงานหลายแห่งไม่มีไฟฟ้าใช้ โดยเริ่มแรกปัญหาส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตทั่วประเทศ จนหลายรายต้องตัดลดหรือหยุดการผลิตในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ตอนนี้ปัญหาเริ่มลามไปยังบ้านเรือนประชาชนแล้ว โดยชาวบ้านในมณฑลทางตะวันออกเฉียงเหนือ ถูกตัดไฟโดยไม่แจ้งล่วงหน้าหลายครั้งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

ผู้อยู่อาศัยในมณฑล เหลียวหนิง, จี้หลิน และ เฮยหลงเจียง หลายคนออกมาร้องทุกข์ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ เรื่องการขาดแคลนพลังงานให้ความร้อน, ลิฟต์และไฟจราจรไม่ทำงาน ซึ่งทางการท้องถิ่นกำลังเร่งดำเนินการส่งเจ้าหน้าที่ไปแก้ปัญหา เพื่อรับประกันว่า ประชาชนจะมีไฟฟ้าและความอบอุ่นเพียงพอท่ามกลางอากาศหนาวเย็น

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ บริษัท โนมูระ โฮลดิงส์ ยักษ์ใหญ่ด้านการเงินของญี่ปุ่น, ธนาคารเพื่อการลงทุน มอร์แกน สแตนลีย์ และ ธนาคาร ไชน่า อินเทอร์เนชันแนล แคปิตอล คอร์เปอเรชัน (CICC) ของจีน ก็ออกมาตัดลดการคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน หรือเตือนเรื่องการเติบโตที่จะลดลงเพราะปัญหาขาดแคลนพลังงานเช่นกัน.

...