ทั่วโลกวิตก "เอเวอร์แกรนด์" บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของจีนหนี้ท่วม 'จะอยู่หรือไป' ถึงขั้นจะล้มละลายหรือไม่ ส่งผลราคาหุ้นของเอเวอร์แกรนด์ ร่วงไม่หยุด จนปีนี้ ร่วงไปแล้วถึง 84% 

เมื่อ 21 กันยายน 2564 สื่อต่างประเทศเกาะติดสถานการณ์บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ในประเทศจีน ‘ไชน่า เอเวอร์แกรนด์’ (China Evergrande) หรือเป็นที่รู้จักในชื่อเรียกสั้นๆ ว่า 'เอเวอร์แกรนด์' กำลังประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก มีหนี้สินมหาศาลสูงถึง 1.97 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 9.85 ล้านล้านบาท (คิดในอัตราแลกเปลี่ยน 1 หยวน เท่ากับ 5 บาท) จนกลายเป็นบริษัทธุรกิจเอกชนที่มีหนี้สินสูงที่สุดในโลก และก่อให้เกิดความกังวลอย่างยิ่งตามมา เพราะหวั่นเกรงว่าบริษัท เอเวอร์แกรนด์ อาจถึงขั้นล้มละลาย จะกลายเป็นโดมิโน กระทบต่อเศรษฐกิจโลกที่กำลังบอบช้ำอย่างหนักอยู่แล้วจากการระบาดของโควิด-19 นั้น

เว็บไซต์นิวยอร์กโพสต์รายงานราคาหุ้นของเอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ยังคงต่อเนื่อง โดยร่วงลงมาอีก 10% ในการซื้อขายที่ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง เมื่อวันจันทร์ที่ 20 กันยายน ที่ผ่านมา โดยราคาได้ตกลงมาเหลือ หุ้นละ 2.28 ดอลลาร์ฮ่องกง หลังจากก่อนหน้านี้ราคาหุ้นของเอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ได้ร่วงลงมาถึง 19% ซึ่งถือว่าเป็นการร่วงหนักที่สุดในรอบกว่าสิบปี และนับตั้งแต่ต้นปี 2564 จนมาถึงขณะนี้ ราคาหุ้นของเอเวอร์แกรนด์ได้ร่วงลงมาแล้วถึง 84%

ชาวจีนจำนวนมากบุกไปยังสำนักงานใหญ่ของบริษัทเอเวอร์แกรนด์ที่เมืองเสิ่นเจิ้น เรียกร้องให้บริษัทคืนเงินลงทุน
ชาวจีนจำนวนมากบุกไปยังสำนักงานใหญ่ของบริษัทเอเวอร์แกรนด์ที่เมืองเสิ่นเจิ้น เรียกร้องให้บริษัทคืนเงินลงทุน

...

ทั้งนี้ มีชาวจีนจำนวนมากวิตกกังวลกลัวเงินของพวกเขาที่ลงทุนกับบริษัทเอเวอร์แกรนด์จะสูญ พากันบุกไปยังสำนักงานใหญ่ของบริษัทเอเวอร์แกรนด์ที่เมืองเสิ่นเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องให้บริษัทคืนเงินลงทุน หุ้นกู้ และเงินดาวน์โครงการพัฒนาต่างๆ.