Gallopเผยผลโพลสำรวจผลกระทบจากโควิด-19 ระบาด พบประชากรโลกถึง 1 ใน 2 มีรายได้ลดลง ขณะที่ไทยมีคนรายได้ลดลงสูงถึง 76% นอกจากนั้นประชากรโลกยังถูกพักงานกว่าครึ่ง ตกงาน-ปิดกิจการ ถึง 1 ใน 3
เมื่อ 3 พ.ค.64 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงาน บริษัทจัดทำโพล Gallop (แกลลอป) เปิดเผยผลโพลสำรวจประชาชน 300,000 คนใน 117 ประเทศทั่วโลก เกี่ยวกับผลกระทบต่อรายได้จากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่ก่อให้เกิดโรค โควิด-19 พบว่าเฉลี่ยแล้ว ประชาชนทุก 1 ใน 2 คน หรือคิดเป็นครึ่งหนึ่งของผู้ถูกสอบถามต้องประสบกับการมีรายได้ลดลง
โดยเฉพาะประเทศที่มีรายได้ต่ำ ประชาชนได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการถูกเลิกจ้างงาน รวมทั้งต้องถูกลดชั่วโมงการทำงาน จากการระบาดของเชื้อโควิด-19 ซึ่งจากตัวเลขที่ออกมาจึงแปลได้ว่า มีประชากรโลกในวัยผู้ใหญ่ถึง 1,600 ล้านคน มีรายได้ลดลงจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาด
...
ผลการสำรวจยังพบว่า เปอร์เซ็นต์ของประชาชนซึ่งมีรายได้ลดลงจากโควิด-19 ระบาด ในประเทศร่ำรวยกับประเทศกำลังพัฒนา และประเทศด้อยพัฒนานั้น มีช่วงห่างที่ค่อนข้างกว้าง โดยประเทศไทย มีผู้มีรายได้ลดลงจากโควิด-19 ระบาดสูงถึง 76% ขณะที่ประชาชนในสวิตเซอร์แลนด์ มีประชาชนที่มีรายได้ลดลงเพียงแค่ 10%
แกลลอปโพล ยังพบว่า มีประชาชนทั่วโลกกว่าครึ่งหนึ่งหรือ 50% ต้องถูกพักงานชั่วคราว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระบาด ซึ่งแปลได้ว่ามีประชาชนทั่วโลกในวัยผู้ใหญ่ถูกพักงานชั่วคราวถึงประมาณ 1.7 พันล้านคน
ประชาชนใน 57 ประเทศรวมทั้ง อินเดีย ซิมบับเว ฟิลิปปินส์ เคนยา บังกลาเทศ เอลซัลวาดอร์ มีประชาชนกว่า 65% ต้องถูกพักงานชั่วคราว ในขณะที่ผลการสำรวจพบว่าประเทศในยุโรป อย่างออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ และเยอรมนี มีประชาชนน้อยกว่า 2-3 คนในจำนวน 10 คน ที่ต้องถูกพักงานจากการระบาดของโควิด-19 ในขณะที่สหรัฐอเมริกา มีประชาชนถูกพักงานอยู่ที่ 39%
ส่วนผลการสอบถามประชาชนที่ต้องตกงาน ถูกเลิกจ้างจากการระบาดของโควิด-19 พบว่ามีประชาชน 1 ใน 3 คน ต้องตกงาน หรือปิดกิจการ ซึ่งแปลได้ว่ามีประชากรทั่วโลกกว่า 1,000 ล้านตกงาน และสูญเสียธุรกิจจากการระบาดของโควิด-19