ในอดีต เมื่อถูกประเทศใหญ่อย่างสหรัฐฯโจมตีด้วยมาตรการกีดกันทางการค้า ประเทศเล็กชาติน้อยมักจะชูธงขาวยอมแพ้ และไม่ดำเนินมาตรการตอบโต้ เมื่อโลกมีเวทีการค้าแบบพหุภาคี หรือองค์การการค้าโลก ประเทศเล็กชาติน้อยจึงไชโยโห่หิ้ว และยึดเวทีเจรจาการค้าแบบพหุภาคีเป็นที่พึ่ง ตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา เราจึงเห็นประเทศเล็กชาติน้อยฟ้องร้องประเทศใหญ่ที่ละเมิดข้อตกลงการค้าเสรี
ชาติที่ไม่ยอมให้ถูกโจมตีแต่เพียงฝ่ายเดียวมีเพียง ‘จีน’ เมื่อสหรัฐฯเรียกเก็บภาษีศุลกากรจำนวนมหาศาลจากจีน จีนก็โต้ตอบทางการค้ากับสหรัฐฯ ทำให้สหรัฐฯตกใจว่า อ๊าย นี่เอ็งก้าวร้าวอย่างนี้เชียวหรือ สหรัฐฯเคยชินกับแนวทางการค้าฝ่ายเดียว ผมหมายถึง ทำกับชาติอื่นแต่ฝ่ายเดียว พอมาเจอจีน สหรัฐฯก็อยากจะอัดจีนเหมือนที่เคยอัดประเทศอื่น
จีนไม่หงอยอมสหรัฐฯเหมือนเมื่อก่อน จีนเป็นมหาอำนาจขนาดกลางที่สามารถยกฐานะทางเศรษฐกิจจากประเทศยากจนมาเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลกได้ จีนก็รู้ตัวว่าตัวเองไม่ธรรมดา ส่วนสหรัฐฯ เมื่อเงื้อง่าราคาแพงแล้วจีนแสดงอาการไม่กลัว สหรัฐฯก็เลยหันกลับมาดูเอง พบว่าตัวเองเสื่อมลงไปมาก ไม่ทรงพลังอำนาจเหมือนเมื่อก่อน ก็เริ่มตระหนกตกใจ และวิ่งพล่านหาพวก
สหรัฐฯเริ่มสอดส่ายสายตาหาความชอบธรรมในการจะเล่นงานจีน ข้อหาแรกที่สหรัฐฯเล่นจีนเป็นข้อหาที่สหรัฐฯเคยใช้ตีประเทศเล็กชาติน้อยแล้วได้ผลก็คือ จีนลอกเลียนทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ สหรัฐฯบอกว่าจีนสร้างความเสียหายด้านทรัพย์สินทางปัญญาต่อสหรัฐฯสูงถึง 2.25-6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี และมากกว่าร้อยละ 80-90 (ซึ่งสหรัฐฯก็ไม่มีตัวเลขแน่ชัด) สหรัฐฯเสียหายเพราะจีนขโมยความลับทางการค้า
สหรัฐฯตะโกนก้องร้องบอกโลกว่าจีนเอาเปรียบตน จีนขโมยความรู้ด้านเทคโนโลยีสื่อสารและนวัตกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องหุ่นยนต์อัจฉริยะและเทคโนโลยี 5G จากสหรัฐฯ คนที่ตามความก้าวหน้าของจีนอย่างต่อเนื่อง ฟังข้อหาของสหรัฐฯแล้วก็หัวเราะก๊าก ไอ้นี่บ้าหรือเปล่า เรื่องหุ่นยนต์อัจฉริยะและเทคโนโลยี 5G คนเขาก็ทำกันทั้งโลก แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมสหรัฐฯถึงมุ่งโจมตีแต่จีน ผมเชื่อว่าจีนอาจจะมีนวัตกรรมด้านนี้มากกว่าสหรัฐฯเสียด้วยซ้ำ
...
ผู้นำสหรัฐฯทุกคนจะพูดเป็นแผ่นเสียงตกร่องว่า จีนเป็นภัยคุกคามที่แท้จริงของสหรัฐฯ สหรัฐฯโจมตีว่า Made in China 2025 Strategy ซึ่งเป็นแผนเศรษฐกิจของจีน นี่คือยุทธศาสตร์ที่จีนต้องการจะครองโลก ที่โจมตีมาตลอดอย่างชัดเจนที่สุดก็คือนายมาร์โค รูบิโอ ผู้ใหญ่ของพรรครีพับลิกัน นายคนนี้บอกว่า แกต้องการจะเห็นระบบโลกที่มีมหาอำนาจของจริงเพียงประเทศเดียว การที่จีนกำลังจะเป็นมหาอำนาจแบบเดียวกับสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่คุกคามโลกและคุกคามสหรัฐฯ
ผมมีความเชื่อส่วนตัวว่า การปลุกกระแสเกลียดจีนมาจากกลุ่มผู้นำสหรัฐฯ ปลุกเพื่อให้เกิดกระแสชาตินิยม เพื่อให้คนอเมริกันฮึกเหิมที่จะลุกขึ้นมาสร้างประเทศให้รุ่งเรืองเฟื่องฟุ้งใหม่ เพื่อรักษาความเป็น Unipolar World System หรือมหาอำนาจเพียงขั้วเดียว ในขณะที่จีน และรัสเซียต้องการ Multipolar World System หรือระบบโลกที่มีการถ่วงดุลอำนาจหลายขั้ว
20 เมษายน 2564 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกาศในงานฟอรัม เอเชีย โป๋อ่าว 2021 ซึ่งจัดที่มณฑลไห่หนาน (ไหหลำ) ว่าจีนไม่ต้องการเป็นมหาอำนาจโลก หรือแผ่ขยายอิทธิพล จีนจะไม่แข่งขันสะสมอาวุธกับชาติอื่น แต่จีนมีความยินดีปรีดาที่จะแบ่งปันโอกาสอันดีในตลาดการค้าขนาดใหญ่ของประเทศ โดยพร้อมจะร่วมมือในระดับพหุภาคี เพื่อขยายการค้าและการลงทุน
จีนพยายามสื่อให้ถึงสหรัฐฯว่าตนไม่ต้องการอำนาจ แต่ต้องการเป็นพ่อค้าใหญ่ จีนสนใจการค้าและการลงทุนมากกว่าเรื่องอำนาจซึ่งประโยคพวกนี้จีนกล่าวย้ำๆ ซ้ำๆ มาโดยตลอด
เท่าที่ผมติดตามข่าว จีนไม่ค่อยไปยุ่งกับใคร แต่จะระแวดระวังในสิ่งที่จีนคิดว่าตนเองเป็นเจ้าของ เช่น ไต้หวัน หรือบางส่วนของทะเลจีนใต้
ก็ไม่รู้ว่าสหรัฐฯกับตะวันตกจะเชื่อหรือเปล่านะครับ.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com