คนจีนและคนเอเชียไม่ว่าไปอยู่ที่ไหนของมุมโลก ก็มักจะสร้างเนื้อสร้างตัวจนร่ำรวยเป็นเศรษฐี เพราะค้าขายเก่ง และขยันอดทนสู้งานไม่เกี่ยงงอน แต่ไม่ว่าอาตี๋อาหมวยจะเก่งกาจขนาดไหนและส่งลูกหลานร่ำเรียนจนมีการศึกษาสูงขนาดไหน ก็ไม่ได้แปลว่าจะได้รับการยอมรับให้เป็นราษฎรเต็มขั้นของสังคมมะกัน ประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนเสรี ขณะเดียวกันก็เหยียดเชื้อชาติมากถึงมากที่สุด เพราะโกรธที่คนเอเชียมาแย่งงานแย่งอาชีพทำกิน
“กระแสความเกลียดชังคนเชื้อสายเอเชีย” ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในวันสองวัน แต่ฝังรากลึกมานานแล้วในสังคมตะวันตก โดยเฉพาะอเมริกายิ่งทวีความรุนแรง เมื่อผู้นำวุฒิภาวะต่ำอย่าง “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” สร้างวาทกรรมแห่งความเกลียดชัง ใช้คำว่า “ไชน่า ไวรัส” เพื่อสาดโคลนใส่จีนว่าเป็นต้นตอการแพร่ระบาดไปทั่วโลกของไวรัสโควิด-19 นับแต่นั้นมาผู้อพยพเชื้อสายเอเชียก็ตกเป็นเป้าโจมตีและกลั่นแกล้งทำร้ายของคนผิวขาวอย่างไม่หยุดหย่อน
ใครจะคิดว่ายุค พ.ศ.นี้แล้ว จะเห็นฝรั่งกระชากคอเสื้อคนเอเชียกลางถนนเพราะความชังน้ำหน้า ใครจะคิดว่าแหม่มมีการศึกษาจะตะโกนด่าคนเอเชียกลางร้านแมคโดนัลด์ และที่รับไม่ได้จริงๆ คือคุณปู่ชาวไทยวัย 84 ปี “วิชา รัตนภักดี” ต้องสังเวยชีวิตให้กับความเกลียดชัง ถูกโจ๋มะกันผลักล้มเสียชีวิตหัวกระแทกปูนซีเมนต์ ขณะเดินออกกำลังกายใกล้บ้านพักในซานฟรานซิสโก เมื่อปลายเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา
ช็อกสุดก็เห็นจะเป็นเหตุการณ์วัยรุ่นกราดยิงร้านนวดสปา 3 แห่ง ในแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน สังเวยไป 8 ศพ เป็นหญิงเอเชียถึง 6 ศพ!! แม้มือปืนจะสารภาพว่าทำเพราะติดเซ็กซ์และอยากกำจัดสิ่งเร้ากระตุ้นทางเพศ แต่หลายฝ่ายยังเชื่อว่าโศกนาฏกรรมดังกล่าวมีเหตุจูงใจมาจากความเกลียดชังคนเชื้อสายเอเชียในอเมริกา ไม่กี่วันถัดมายังเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ คนผิวขาวจู่โจมทำร้ายร่างกายคุณปู่ชาวเวียดนามจนกระดูกคอเคลื่อน ขณะเดินจ่ายตลาดในเมืองซานฟรานซิสโก เพราะเกิดหมั่นไส้ไม่มีเหตุผล!!
...
หลักฐานชี้ชัดจากผลวิจัยขององค์กร “Stop AAPI Hate” ที่ระบุว่า ช่วง 1 ปี นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในอเมริกา ได้เกิดเหตุก่ออาชญากรรมด้วยความเกลียดชังต่อคนเอเชียมากถึง 3,000 คดี โดยเหยื่อผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและผู้สูงวัยชาวเอเชีย
นอกจากคนเชื้อสายเอเชียหลายร้อยคนในแอตแลนตาจะออกไปรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้ผู้เสียชีวิตจากเหตุโศกนาฏกรรม โดยขอให้ยุติการเหยียดผิวและเชื้อชาติ ด้านคนเอเชียทั่วทุกทวีป รวมถึงประเทศไทยก็ลุกขึ้นแสดงพลังทางโลกโซเชียลแห่ติดแฮชแท็ก #AsiansAreHuman #StopAsianHate รณรงค์ให้หยุดสร้างความเกลียดชังต่อชาวเอเชีย จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์ยอดนิยมอันดับหนึ่งและสองของโลก
กระแสต่อต้านการเหยียดผิวและเชื้อชาติที่เกิดขึ้นในหลายรัฐ แสดงให้เห็นว่าชุมชนชาวเอเชียทั่วอเมริกาจะไม่ทนต่อการใช้ความรุนแรงอีกต่อไป หลายบ้านแห่ซื้อปืนเพื่อป้องกันตัวเองแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆแน่ เพราะขนาดประธานาธิบดีคนใหม่ “โจ ไบเดน” ยังต้องควงรองประธานาธิบดีหญิงผิวสีและเอเชีย “คามาลา แฮร์ริส” ออกโรงประณามการก่อเหตุรุนแรงกับชาวเอเชียในอเมริกา
ในปีที่ผ่านมา มีความเกลียดชังชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียพุ่งสูงขึ้นมาก พวกเขาต้องเดินตามท้องถนนด้วยความวิตกกังวล พวกเขาตื่นมาทุกเช้าด้วยความรู้สึกว่า พวกเขาและคนที่เขารักไม่มีความปลอดภัย พวกเขาถูกทำร้าย, ถูกตำหนิ, ต้องตกเป็นเหยื่อ และถูกล่วงละเมิด หนักกว่านั้นคือถูกทำร้ายด้วยวาจา, ทำร้ายร่างกาย และถูกฆ่า นี่ไม่ใช่เรื่องดราม่า แต่การเหยียดสีผิว, ความเกลียดกลัวชาวต่างชาติ และการกีดกันทางเพศ ล้วนเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในอเมริกา และดำรงอยู่มาตลอดโดยไม่คิดแก้ไข!!
มิสแซฟไฟร์