มาตรการล็อกดาวน์เพื่อป้องกันโควิด-19 ทำให้บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ ซาอุดี อารัมโก มีผลกำไรในปี 2563 ลดลงเกือบ 45%
สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า ‘ซาอุดี อารัมโก’ รัฐวิสาหกิจน้ำมันยักษ์ใหญ่ของประเทศซาอุดีอาระเบีย เปิดเผยในวันอาทิตย์ที่ 21 มี.ค. ว่า กำไรของบริษัทในปี 2563 ลดลงเกือบ 45% เมื่อเทียบปีก่อนหน้านั้น เนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ที่นานาประเทศใช้เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ความต้องการน้ำมันทั่วโลกลดลง
อย่างไรก็ตาม ซาอุดี อารัมโก ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ยังคงทำกำไรได้ 4.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1.51 ล้านล้านบาท) และระบุด้วยว่า บรรดาผู้ถือหุ้นยังคงได้รับเงินปันผลมูลค่ารวมทั้งหมด 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดคือรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย
ทั้งนี้ ตลอดปี 2563 ราคาน้ำมันลดลงถึง 1 ใน 5 หลังจากนานาประเทศระงับการเดินทาง, ปิดอุตสาหกรรมต่างๆ และจำกัดการทำกิจกรรมของประชาชนในแต่ละวัน ส่งผลให้ความต้องการพลังงานและเชื้อเพลิงลดลง กระทั่งถึงเดือนธันวาคม ราคาน้ำมันจึงฟื้นตัวกลับขึ้นมาเล็กน้อย เพราะการกระจายวัคซีนต้านโควิด-19
ด้านบริษัทผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรายใหญ่อื่นๆ เช่น ‘โรยัล ดัตช์ เชลล์’ และ ‘บีพี’ ก็มีผลกำไรลดลงเช่นกัน ส่วน เอ็กซ์ซอน โมบิล บริษัทพลังงานใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ขาดทุนรายปีเป็นครั้งแรก
แต่ ซาอุดี อารัมโก ยังต้องเผชิญความท้าทายอีกหลายอย่าง พวกเขาเคยถูกโจมตีด้วยโดรนถึง 2 ครั้ง เนื่องจากซาอุดีอาระเบียไปมีส่วนร่วมในสงครามในประเทศเยเมน ขณะที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เกิดไฟไหม้ที่โรงกลั่นน้ำมันของพวกเขาในเมืองหลวงกรุงริยาดด้วย
...