ผมเขียนถึง อนาคตอันเวิ้งว้างของประเทศไทย มาสองวันติด เสียดายโอกาสประเทศที่หายไป 7 ปี วันนี้ผมจะพาท่านผู้อ่านไปดู “อนาคตอันสดใสของจีน” ที่กำลังจะเริ่มต้นทศวรรษใหม่ วันที่ 4-5 มีนาคมที่ผ่านมา จีนจัดประชุมประจำปีร่วมสองสภา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และ สภาที่ปรึกษาทางการเมือง ที่กรุงปักกิ่ง ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และ นายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง ได้รายงานต่อสองสภาถึง เป้าหมายการพัฒนาประเทศจีนในปี 2021 และ การเริ่มต้นเดินทางครั้งใหม่ ด้วย แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 14 (2021-2025) เพื่อเร่งฝีเท้าไปสู่ การพัฒนารูปแบบใหม่ ที่เรียกว่า “วงจรคู่” (Dual Circulation) ที่ ตลาดในประเทศ และ ตลาดต่างประเทศ เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน โดยมีตลาดในประเทศเป็นแกนหลัก จากประชากรจีนกว่า 1,400 ล้านคน
ฟังแล้วก็อิจฉาคนจีนที่มี ผู้นำประเทศแบบนี้ สื่อสารถึงประชาชนให้รับรู้ถึงเป้าหมายการพัฒนาประเทศทุกปี เพื่อนำทางให้ประชาชนรู้ทิศทางประเทศชาติและอนาคตของตัวเอง
นายกรัฐมนตรีจีน หลี่ เค่อเฉียง แถลงต่อที่ประชุมสองสภาว่า รัฐบาลจีนกำหนดเป้าหมายการเติบโตของจีดีพีปี 2021 ที่ระดับกว่า 6% เพื่อส่งเสริมการปฏิรูปนวัตกรรม และการพัฒนาที่มีคุณภาพสูง ตั้งเป้าหมายสร้างงานในพื้นที่เมืองเพิ่มขึ้นกว่า 11 ล้านอัตรา ลดสัดส่วนการขาดดุลต่อจีดีพีลงเหลือร้อยละ 3.2 ขยายอุปสงค์ในประเทศและการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ คาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจจีนหวนกลับคืนสู่ความรุ่งโรจน์ก่อนโรคระบาดใหญ่ นั่นคืออัตราการเติบโตของจีดีพีจะกลับมาอยู่ที่อัตราร้อยละ 6
จะปรับเปลี่ยนนโยบายการวางแผนครอบครัวให้ยืดหยุ่นมากขึ้น หาทางลดค่าใช้จ่ายการตั้งครรภ์และการคลอดบุตร การเลี้ยงดูบุตร การศึกษา เพื่อเพิ่มอัตราการเกิดในประเทศ จะผลักดันการพัฒนาที่มีเสถียรภาพ เพื่อส่งเสริมธุรกิจรูปแบบใหม่รวมทั้งอี-คอมเมิร์ซข้ามพรมแดน
...
จะเพิ่มการใช้จ่ายด้าน การวิจัยและพัฒนา (R&D) ประจำปีมากกว่า 7% ของงบประมาณในช่วง 5 ปีข้างหน้า และ ลดหย่อนภาษีพิเศษ 75% สำหรับค่าใช้จ่ายด้าน R&D ขององค์กรต่างๆ ขยายรูปแบบการให้กู้ยืม เพื่อเพิ่มช่องทางระดมทุนให้กับนวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตั้งเป้าเพิ่มวงเงินกู้ให้กับธุรกิจ SME อีกกว่า 30% เพื่อช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอี และจะผลักดันให้ธนาคารพาณิชย์ปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ด้วย
คนไทยเคยได้ยิน ผู้นำประเทศ ประกาศนโยบายประเทศปีต่อปีต่อประชาชนแบบนี้บ้างไหม นอกจากท่าทีหงุดหงิดที่จำกันติดตา
ก่อนการประชุมสองสภาจีน สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน ได้เผยแพร่รายงานว่า จีดีพีต่อหัวของคนจีนอยู่ที่ 72,447 หยวน ราว 340,000 บาทต่อปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากปีก่อนหน้า (รายได้ต่อหัวคนไทย ณ วันที่ 15 ก.พ.64 อยู่ที่ 7,736.5 ดอลลาร์ 232,094 บาทต่อปี) ปริมาณเศรษฐกิจจีนโดยรวมปี 2020 ทะลุ 100 ล้านล้านหยวน ราว 160 ล้านล้านบาท จีดีพีต่อหัวคนจีนเพิ่มขึ้นเกิน 10,000 ล้านดอลลาร์ 3 แสนกว่าบาท ติดต่อกันเป็นเวลา 2 ปี แล้ว และจีดีพีจีน ยังครองสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 17 ของเศรษฐกิจโลกในปี 2020
ปี 2020 จีนมีนิติบุคคลรายใหม่จดทะเบียนเพิ่มขึ้น 25.02 ล้านราย เฉลี่ยเพิ่มขึ้นวันละ 22,000 บริษัท สิ้นปี 2020 จีนมีนิติบุคคล 140 ล้านบริษัท ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปี 2020 จีนมีค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) รวมอยู่ที่ 2.4426 ล้านล้านหยวน ราว 11 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.3 จากปี 2019 คิดเป็นร้อยละ 2.4 ของจีดีพี
ผมนำแบบอย่างที่ดีของผู้นำจีน มาเล่าสู่กันฟัง ก็หวังว่า ผู้นำไทย จะนำไปศึกษา เพื่อพัฒนาการเป็นผู้นำที่ดี เพราะเราต้องเดินหน้าไปสู่อนาคตด้วยกัน ผู้นำจึงควรมีความชัดเจนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ประชาชน ไม่ใช่ปล่อยให้เบลอๆกันแบบนี้ไปทุกเรื่อง.
“ลม เปลี่ยนทิศ”