ถ้าคิดว่า ปี 2020 เป็นปีหนักหนาสาหัสที่สุดแล้ว และฟ้าหลังฝนย่อมงดงามเสมอ บอกเลยว่าไม่จริง!! เพราะ “ดิ อิโคโนมิสต์” เชื่อว่ายังมีความท้าทายใหม่ๆรออยู่อีกมากในปี 2021 จับตาไว้ให้ดีกับ 8 ปรากฏการณ์หลักที่จะมาเขย่าโลกตลอดปีฉลูไม่ฉลุย

“การต่อสู้เพื่อแย่งชิงวัคซีนโควิด-19” ปี 2020 เป็นปีของการชิงดำว่าใครจะสามารถค้นพบวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้ก่อนกัน เพื่อเป็นฮีโร่กู้โลก แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ปี 2021 ทั้งโลกจะเปลี่ยนโฟกัสมาที่ความเท่าเทียมกันในการกระจายวัคซีนไปสู่ประชากรโลกให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด โดยศึกชิงวัคซีนระหว่างประเทศต่างๆคงเกิดขึ้นตลอดปี แต่กว่าจะได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วถึง ดีไม่ดีไวรัสร้ายก็อาจกลายพันธุ์ไปแล้ว คราวนี้ปวดหัวอีกแน่นอน

การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแบบกระท่อนกระแท่น” เห็นได้ชัดว่าเศรษฐกิจโลกมีกำลัง วังชาฟื้นตัวกลับมาได้แค่บางภาคส่วน ความรวยยังกระจุกตัวอยู่ที่ยอดพีระมิด และบางกลุ่มอุตสาหกรรม ขณะที่คนจนก็ยิ่งจนลง และตัวเลขตกงานพุ่งไม่หยุด ในปี 2021 จะเป็นอีกหนึ่งปีที่หนักเหนื่อยสำหรับทุกรัฐบาล นอกจากการอัดฉีดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง อีกทางรอดที่ทำได้เพื่อไม่ให้ธุรกิจล้มกันเป็นโดมิโน คือรัฐต้องอุ้มบริษัทใหญ่น้อยไม่ให้เจ๊ง เพื่อจะได้ช่วยให้คนมีงานทำเลี้ยงปากท้อง

จัดระเบียบโลกใหม่ หลังยุคทรัมป์” คงไม่มีผู้นำชาติมหาอำนาจคนไหนจะสร้างความปั่นป่วนให้โลกได้เท่ากับ “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” ภารกิจแรกหลังเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการของผู้นำทำเนียบขาวคนใหม่ “โจ ไบเดน” คือการสะสางปัญหาของทรัมป์ให้คลี่คลาย โดยเร่งจัดระเบียบโลกใหม่ ฟื้นความร่วมมือต่างๆระหว่างนานาชาติ ที่โดนทรัมป์คว่ำทิ้งไม่เป็นท่า เช่น ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน และความตกลงปารีสเพื่อลดภาวะโลกร้อน ตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้ายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อกำหนดมาตรการการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์

...

เพิ่มความตึงเครียดระหว่างอเมริกาและจีน” เลิกฝันหวานว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่างอเมริกากับจีนจะคลี่คลายลงในยุคของ “โจ ไบเดน” เพราะแหล่งข่าววงในทำเนียบขาวชี้ว่า ประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกาจะสร้างพันธมิตรใหม่ๆมากขึ้นเพื่อผนึกกำลังกันคานอำนาจแดนมังกร งานนี้ส้มหล่นเต็มๆใส่ประเทศอาเซียนและแอฟริกา ต่อไปเราจะอยู่ในสถานะสวยเลือกได้ เป็นปีที่เนื้อหอมฉุยมีแต่คนอยากซื้อใจ

ภาคธุรกิจเป็นหน้าด่านประลองกำลังของชาติมหาอำนาจ” ยิ่งนับวันภาคธุรกิจต่างๆจะถูกใช้เป็นเครื่องมือทาง
การเมืองมากขึ้น ไม่เฉพาะแต่หัวเว่ย และ TikTok ที่ถูกดึงเข้าร่วมเกมแย่งชิงอำนาจระหว่างอเมริกากับจีน แต่ปีนี้จะได้เห็นบริษัททั้งสองสัญชาติดาหน้าออกมาเป็นกระบอกเสียงแทนรัฐบาลในหลายๆเรื่อง ต่างจากยุคก่อนที่นักการเมืองต้องพูดแทนภาคธุรกิจ ซึ่งเป็นบ่อเงินบ่อทองตัวจริง

จุดความหวังใหม่กู้วิกฤติโลกร้อน” หลังจากทรัมป์ทำให้โลกต้องสิ้นหวังและถอยหลังเข้าคลอง โดยฉีกทุกข้อตกลงเพื่อมนุษยชาติ ในปี 2021 จะเป็นปีทองของการกู้วิกฤติโลกร้อนอย่างแท้จริง ถึงเวลาที่ชาติสมาชิกทั้ง 196 ประเทศขององค์การสหประชาชาติจะกลับมาผนึกกำลังกันอีกครั้ง เพื่อยับยั้งมหันตภัยร้ายไม่ให้อุณหภูมิโลกเพิ่มสูงขึ้นเกินเป้าหมาย จนก่อให้เกิดปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง แต่ละประเทศจะต้องพิสูจน์ความจริงใจ ด้วยการดำเนินมาตรการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตอกย้ำสัญญาลูกผู้ชาย

เป็นปีเดจาวู” พิษของโควิด-19 ทำให้งานใหญ่ๆระดับโลกมากมายต้องถูกเลื่อนและยกเลิกไปในปี 2020 สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล ในปี 2021 เป็นปีเดจาวูทุกอย่างที่วางแพลนไว้จะกลับมาเกิดซ้ำอีกครั้งราวกับภาพหลอน ไม่ว่าจะเป็น มหกรรมกีฬาโอลิมปิก หรืองานดูไบเอ็กซ์โป ส่วนฟีดแบ็กตอบรับจะดีแค่ไหน ต้องตามลุ้นกัน

ตื่นตัวรับความเสี่ยงใหม่ๆที่ไม่คาดคิด” นอกเหนือจากวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โลกยังมีความเสี่ยงใหม่ๆ ที่ไม่คาดคิดรอท้าทายอยู่อีกมาก และไม่ว่ามหันตภัยใหม่จะมาในรูปแบบใด เราก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจรับความเสี่ยงไว้เสมอ จากนี้ไปการ์ดอย่าตกเป็นดีที่สุด ต้องใช้ชีวิตโดยไม่อยู่บนความประมาท เพราะความแน่นอนคือความไม่แน่นอน.

มิสแซฟไฟร์