คนญี่ปุ่นทำงานหนัก เครียด ฆ่าตัวตาย และทำงานจนตายเป็นจำนวนไม่น้อย รัฐบาลของนายชินโซ อาเบะจึงตั้งคณะทำงานเพื่อปฏิรูปการทำงาน และเมื่อ พ.ศ.2560 ก็มีการจำกัดเวลาทำงานล่วงเวลา ห้ามเกิน 100 ชั่วโมงต่อเดือน รัฐบาลยังจัดกิจกรรม Premium Friday ให้ทุกวันศุกร์สิ้นเดือน พนักงานสามารถเลิกงานได้ในเวลา 15.00 น. จัดให้มีการลดราคาสินค้า ให้มีกิจกรรมบันเทิง และสนับสนุนสันทนาการเพื่อให้คนลดความเครียดในชีวิตลง

ก่อนหน้านี้ พนักงานราชการและเอกชนของญี่ปุ่นต้องใส่สูทผูกไท ภายหลังมีมาตรการรณรงค์คูลบิช โดยงดการผูกเนกไทหรือสวมเสื้อนอกในช่วงฤดูร้อน จนเดี๋ยวนี้ มีผู้คนบางส่วนเริ่มชินการไม่ผูกเนกไทและใส่เสื้อนอกแล้ว

ญี่ปุ่นผ่านร่างกฎหมายรีสอร์ตครบวงจรหรือร่างกฎหมายกาสิโนเมื่อเดือนกรกฎาคม 2561 ให้เปิดกาสิโนในญี่ปุ่นได้อย่างถูกกฎหมาย เมื่อ พ.ศ.2557 ญี่ปุ่นเพิ่มภาษีผู้บริโภคจากร้อยละ 5 มาเป็นร้อยละ 8 และเมื่อตุลาคม 2562 ปรับอัตราภาษีผู้บริโภคขึ้นเป็นร้อยละ 10 แก้ไขกฎหมายเลือกตั้ง ตั้งแต่ พ.ศ.2559 เป็นต้นมา มีการลดอายุผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งจาก 20 ปีมาเป็น 18 ปี

ญี่ปุ่นก้าวสู่ความสันทนาการอย่างเต็มตัว เดิมคนญี่ปุ่นแยกชีวิตที่บ้านและการพักผ่อนหย่อนใจหรือที่จับจ่ายใช้สอยออกจากกัน แต่เดี๋ยวนี้มีโครงการพัฒนาพื้นที่พาณิชยกรรมอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ขึ้นมาหลายแห่ง คนญี่ปุ่นยุคนี้จึงชอบเช่าพื้นที่เหล่านี้เป็นทั้งที่อยู่อาศัย รวมทั้งมีร้านค้า ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ โรงแรม มีที่อยู่อาศัยผสมกับแหล่งพักผ่อนหย่อนใจไปด้วย

สังคมญี่ปุ่นยุคใหม่มีคนยากจนเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก มีการเลิกจ้าง ลดเงินเดือน การทำงานโดยที่ไม่ได้รับค่าจ้างล่วงเวลา มีคนว่างงาน ไม่มีงานประจำทำ หรือมีงานทำก็ได้รับค่าตอบแทนที่ต่ำมาก หรือแม้จะมีรายได้ไม่ต่ำ แต่ก็ไม่พอต่อการดำรงชีวิตในเมือง มี working poor คนที่มีงานทำแต่ยากจน 20 ปีที่แล้วใครไปญี่ปุ่นจะเห็นมนุษย์กล่องที่ใช้ชีวิตอยู่ในกล่องเรียงกันยาวเหยียดเป็นกิโลเมตร สมัยนี้ คนจำนวนไม่น้อยต้องอาศัยพักและอาบน้ำในอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ อัตราความยากจนของเด็กญี่ปุ่นอยู่ในระดับสูง เมื่อเทียบกับประเทศสมาชิกอื่นๆ ที่อยู่ในองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ

...

ความเครียดจากปัญหาเศรษฐกิจทำให้พ่อแม่ใช้ความรุนแรงกับบุตร ญี่ปุ่นเต็มไปด้วยสถานรับเลี้ยงดูเด็กทั่วประเทศ มีเด็กเข้ารับการดูแลหลายหมื่นคน ร้อยละ 60 ของเด็กเหล่านี้เคยโดนพ่อแม่กระทำรุนแรงมาก่อน

11 ธันวาคม 2563 คณะลูกขุนลงความเห็นให้ประหารชีวิตนายอิวะคุระ โทะโมะฮิโระ ที่เข้าไปเยี่ยมย่าอายุ 89 ปี แล้วก็ไปเปิดทีวีเสียงดังจนย่าบ่น แกจึงต่อยย่า พ่ออายุ 68 ปี คว้ามีดออกมาสู้ นายโทะโมะฮิโระจึงฆ่าทั้งย่า พ่อ ป้า (อายุ 72 ปี) พี่สาว และคนที่อาศัยในบ้านอีกคนหนึ่ง เมื่อถูกตัดสินประหารชีวิต นายคนนี้ก็ทำหน้าเฉยๆ ไม่สะทกสะท้าน คดีลักษณะอย่างนี้ มีให้เห็นบ่อยครั้งในสังคมญี่ปุ่น การสัมภาษณ์นายโทะโมะฮิโระทราบว่า เคยถูกครอบครัวทำร้ายมาก่อน

อัตราการไม่แต่งงานของคนญี่ปุ่นมีสูงขึ้น มีการแต่งงานล่าช้า อัตราการหย่าร้างก็สูง ความที่เศรษฐกิจแย่ลง ทำให้มีคนอยู่กับพ่อแม่มากขึ้น ไม่สะดวกที่จะแต่งงานออกไปสร้างครอบครัวใหม่เพราะไม่พร้อมทางเศรษฐกิจ

ญี่ปุ่นมีพวกที่เป็นฮิกิโกะโมริที่หลีกหนีสังคมซ่อนตัวอยู่แต่ในบ้านเพิ่มขึ้น พวกนี้ไม่ออกมาจากห้องนอน นอกจากนั้น ยังมีพวกนีท หรือ NEET ที่ย่อมาจาก Not in Education, Employment or Training ที่ไม่สนใจการศึกษาหรือการทำงานหรือฝึกฝนอะไรทั้งสิ้น ทำตัวเป็นปรสิตฝังตัวอยู่กับพ่อแม่ แม้แต่พ่อแม่ตายก็ยังไม่ยอมแจ้งเจ้าหน้าที่ ปล่อยให้พ่อแม่เป็นศพนอนตายแห้งอยู่ในบ้านเพื่อยังรับเงินบำนาญที่รัฐส่งให้

ญี่ปุ่นยังมีเรื่องที่น่าสนใจอีกเยอะครับ.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com