ไปต่อไม่รอแล้วนะ “แจ็ค หม่า” เจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซของจีนไม่สนแรงต้านจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของอเมริกา เดินหน้าสยายปีกธุรกิจต่อ โดยส่งมดยักษ์ “Ant Group” ต้นสังกัดของ Alipay แอปชำระเงินและศูนย์รวมบริการการเงินออนไลน์ยักษ์ใหญ่ในเครืออาลีบาบา ขึ้นท้าชิงเตรียมทำ IPO มูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของโลก 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในตลาดหุ้นฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและขยายการให้บริการชำระเงินข้ามพรมแดน คืบคลานไปบุกยึดทุกหัวหาดไม่ต่างจากกองทัพมด

จุดเริ่มต้นของ “Ant Group” หรือชื่อเดิม “Ant Financial Services Group” มาจากความต้องการที่จะช่วยคนตัวเล็กๆให้มีโอกาสเข้าถึงบริการด้านการเงินอย่างเท่าเทียมกันภายใต้ต้นทุนที่เป็นธรรม พระเอกของกรุ๊ปในยุคแรกเริ่มคือ Alipay ที่ “แจ็ค หม่า” ตั้งขึ้นในปี 2004 เพื่อเป็นช่องทางการชำระเงินทางออนไลน์ พร้อมอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้แพลตฟอร์มค้าขายของอาลีบาบา ไม่กี่ปีต่อมา ALIPAY ก็ขยายบริการไปสู่การรับชำระค่าสาธารณูปโภคและบริการทุกอย่าง ทั้งค่าน้ำ, ค่าไฟ และค่าโทรศัพท์

ด้วยวิสัยทัศน์ของ “แจ็ค หม่า” ทำให้มีการแยกธุรกิจน้องเล็กออกจากอาลีบาบา ในปี 2014 เพื่อตั้งเป็นกรุ๊ปใหม่มุ่งไปที่เรื่องฟินเทค พัฒนานวัตกรรมทางการเงินโดยเฉพาะ ตั้งชื่อให้เก๋ไก๋ไฉไลว่า “Ant Financial Services Group” ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น “Ant Group” ในปัจจุบัน จากแพลตฟอร์มชำระเงินบนอาลีบาบา ที่โกยเงินไม่หวาดไม่ไหวอยู่แล้ว เพราะมีผู้ใช้บริการในมือมากกว่า 1,000 ล้านบัญชี มดยักษ์ยังสยายปีกไปสู่บริการทางการเงินอื่นๆครอบคลุมรอบด้าน จนคู่แข่งไล่ตามไม่ทัน ไม่ว่าจะเป็น ธนาคารออนไลน์ “MYbank”, การให้บริการด้านสินเชื่อแก่ลูกค้าบุคคล และเจ้าของธุรกิจ SMEs ในนาม “Ant Cash Now”, ตั้งกองทุนรวมออนไลน์ “Ant Fortune” ระดมเงินจากผู้ใช้บริการไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนให้งอกเงย, บริการบัตรเครดิตเสมือน “Ant Credit Pay” สำหรับรูดปรื๊ดซื้อสินค้าและบริการออนไลน์ และ “Ant Financial Cloud” ให้บริการระบบคลาวด์สำหรับอุตสาหกรรมการเงิน แม้กระทั่งธุรกิจขายประกันออนไลน์ก็ยังไม่เว้นให้คู่แข่งได้ทำมาหากิน...พ่อกวาดเรียบจริงๆ

...

เรียกว่า 90% ของประชากรจีนที่มีอยู่กว่า 1,439 ล้านคนในปัจจุบัน ล้วนแต่เป็นลูกค้าของ “Ant Group” เพราะไม่ว่าจะกินข้าว, จองตั๋วหนัง, บุ๊กโรงแรม หรือนั่งแท็กซี่ ก็ต้องใช้แอปมดจ่ายแทนเงินสด บอกเลยว่ายิ่งโลกนี้กลายเป็นสังคมไร้เงินสดเร็วเท่าไหร่ เจ้ามดยักษ์ก็จะยิ่งครองโลกเร็วขึ้นเท่านั้น ไม่แปลกใจที่ “Ant Group” พยายามไล่จับมือกับบริษัทเทคโนโลยีการเงินไปทั่วโลก เพื่อขยับขยายการให้บริการเข้าไปยังประเทศต่างๆ โดยมุ่งไปที่ประเทศเอเชียที่มีประชากรหนาแน่น และจุดหมายการท่องเที่ยวยอดนิยมของคนจีน

เป็นใครก็ต้องจ้องตาเป็นมัน อยากได้ IPO หุ้น ANT มาประดับพอร์ตเพิ่มความเฮง เพราะคาดกันว่าเมื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ หุ้นมดจะพุ่งกระฉูดจนฉุดไม่อยู่ ด้วยมูลค่าบริษัทสูงกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นี่มันมดผู้ฆ่ายักษ์ชัดๆ.

มิสแซฟไฟร์