ชาวมอริเชียสจำนวนมากออกมารวมตัวประท้วงในเมืองหลวง เพื่อแสดงความไม่พอใจที่รัฐบาลแก้ปัญหาน้ำมันรั่วจากเรือสินค้าล่าช้า บางคนถึงขั้นเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก

สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า ประชาชนนับพันคนสวมชุดสีดำออกมาชุมนุมประท้วงรัฐบาลในกรุงพอร์ตลูอิส เมืองหลวงของประเทศมอริเชียส ในวันเสาร์ที่ 29 ส.ค. 2563 เพื่อประท้วงรัฐบาลที่จัดการปัญญาน้ำมันนับพันตันรั่ว จากเรือสินค้าญี่ปุ่นที่มาเกยตื้นบริเวณชายฝั่งของประเทศล่าช้า จนส่งผลกระทบต่อธรรมชาติ

การประท้วงของประชาชนเกิดขึ้นหลังมีรายงานว่า พบโลมาถึง 39 ตัวเกยตื้นตายบริเวณชายฝั่งของมอริเชียส ซึ่งผู้ชุมนุมเชื่อว่าเป็นเพราะผลกระทบจากเหตุน้ำมันรั่วดังกล่าว และกล่าวโทษรัฐบาลว่าควรป้องกันเหตุน้ำมันรั่วได้ดีกว่านี้ รวมทั้งไม่พอใจที่รัฐบาลตัดสินใจจมส่วนหนึ่งของเรือที่หักเป็น 2 ส่วนลงก้นทะเลด้วย

ผู้ประท้วงหลายคนชูป้ายเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก ขณะที่ผู้ชุมนุมหญิงคนหนึ่งบอกกับนักข่าวของบีบีซีว่า “ฉันมาในวันนี้เพราะเราต้องการความจริง พวกเขาไม่ทำอะไรเลยตอนที่เรือเข้าหาชายฝั่งของเรา 12 วันที่พวกเขาไม่ทำอะไรเลยกระทั่งน้ำมันรั่วออกมา แล้วตอนนี้ผู้คนนับพันและสัตว์น้ำได้รับผลกระทบแล้ว”

...

ทั้งนี้ เรือสินค้า ‘เอ็มวี วาคาชิโอะ’ ชนกับแนวปะการังและเกยตื้นนอกชายฝั่งของเกาะมอริเชียส เกยตื้นที่ ‘ปอนเต เดอนี’ (Pointe d'Esny) พื้นที่ชุ่มน้ำทางตะวันออกของมอริเชียส ตั้งแต่ 25 ก.ค. โดยจุดเกิดเหตุอยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติทางทะเล ‘บลู เบย์’ และชายหาดซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างมากของเมืองมาเอบวร์ก

หลังจากนั้นราว 2 สัปดาห์น้ำมันก็เริ่มรั่วไหลออกมา ทำให้รัฐบาลต้องประกาศภาวะฉุกเฉินทางธรรมชาติ ก่อนจะจับกุมตัวกัปตันเรือและตั้งข้อหาก่อให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยในการเดินเรือ รัฐบาลยังสัญญาจะจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบสวนเหตุน้ำมันรั่วที่เกิดขึ้นด้วย

รัฐบาลมอริเชียจงใจจมส่วนหนึ่งของเรือสินค้า เอ็มวี วาคาชิโอะ ลงก้นทะเล
รัฐบาลมอริเชียจงใจจมส่วนหนึ่งของเรือสินค้า เอ็มวี วาคาชิโอะ ลงก้นทะเล

อนึ่ง ยังไม่มีการยืนยันว่าโลมาทั้ง 39 ตัวตายเพราะคราบน้ำมันที่รั่วไหลออกมาหรือไม่ โดยผู้เชี่ยวชาญได้ชันสูตรซากโลมา 2 ตัว และพบรอยกัดของฉลาม แต่ไม่พบร่องรอยของสารไฮโดรคาร์บอนในร่างของมัน อย่างไรก็ตาม นักเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อม เรียกร้องให้มีการตรวจสอบอิสระ เพื่อหาสาเหตุการตายของพวกมันอย่างละเอียด