สถาบันกษัตริย์ของสเปนต้องมีอันสั่นสะเทือน และถึงจุดเสื่อมที่สุดในประวัติศาสตร์ เมื่อ “อดีตกษัตริย์ฮวน คาร์ลอส” ผู้ครองราชบัลลังก์มาเกือบ 4 ทศวรรษ เก็บกระเป๋าหนีออกนอกประเทศแล้ว หลังถูกสอบสวนพัวพันกับคดีทุจริตอื้อฉาวทางการเงิน สร้างความเคลือบแคลงใจให้ประชาชนมาพักใหญ่ โดยสื่อบางสำนักคาดว่าจะเสด็จไปพำนักในโดมินิกัน ซึ่งมีพระสหายสนิทอยู่หลายคน แต่บางสื่อก็ได้เบาะแสว่าทรงเลือกโปรตุเกส, ฝรั่งเศส หรืออิตาลี เป็นสถานที่หลบลี้หนีภัย

หลังการสละราชบัลลังก์เมื่อปี 2014 ส่งไม้ต่อให้พระราชโอรส “สมเด็จพระราชาธิบดีเฟลิเปที่ 6” ขึ้นครองราชย์แทน “คิงฮวน คาร์ลอส” ก็ตกเป็นเป้าขุดคุ้ยของสื่อสเปนในเรื่องสร้างฮาเร็ม, การใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อ และปัญหาคอร์รัปชัน ขัดกับภาพลักษณ์ความเป็นนักปฏิรูปประชาธิปไตยที่มีมาแต่ไหนแต่ไร โดยความไม่พอใจที่มีต่อสถาบันเริ่มคุกรุ่นหนัก ตั้งแต่ตอนที่เสด็จไปเที่ยวป่าล่าช้างในบอตสวานา เมื่อปี 2012 ทั้งๆที่ประเทศสเปนกำลังเผชิญกับความถดถอยทางเศรษฐกิจครั้งเลวร้ายที่สุด และมีคนตกงานมากถึง 24%

อย่างไรก็ดี ทรงลอยนวลเหนือกฎหมายอย่างสบายใจอยู่หลายปี เพิ่งจะเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ศาลสูงของสเปนได้เปิดการไต่สวนหาความเชื่อมโยงระหว่างอดีตกษัตริย์สเปนกับการที่กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ของสเปนคว้าสัมปทานการก่อสร้างโครงการทางรถไฟความเร็วสูงในซาอุดีอาระเบีย จากเมืองเมดินาไปยังนครเมกกะ มูลค่ากว่า 6,700 ล้านยูโร หลังได้เบาะแสชี้เป้าจากหนังสือพิมพ์สวิต “ลา ทริบูน เดอ เจเนฟ” ออกมาเปิดโปงว่า อดีตกษัตริย์สเปนเคยได้รับเงิน 89 ล้านยูโร หรือ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากกษัตริย์ซาอุดีอาระเบีย เมื่อปี 2008 ผ่านบัญชีลับธนาคารสวิตของมูลนิธิลูคัมในปานามา ก่อนจะผ่องถ่ายโอนเงินให้นักธุรกิจสาวเยอรมัน “คอรินนา ลาร์เซน” ซึ่งเป็นกิ๊กขององค์คิง แต่ปัจจุบันยุติความสัมพันธ์ไปแล้ว โดยความลับสุดยอดรั่วไหลจากปาก “นางคอรินนา” ยอมรับกับพนักงานสืบสวนของสวิตว่า เคยได้รับเงินบริจาคแบบเพิกถอนไม่ได้ มูลค่าเกือบ 65 ล้านยูโร เป็นของขวัญจากกษัตริย์ฮวน คาร์ลอส ในปี 2012 ซึ่งเงินส่วนหนึ่งราว 4.3 ล้านยูโร ได้นำไปใช้ในการตกแต่งอพาร์ตเมนต์ในย่านอีตัน สแควร์ของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

...

งานนี้ เจ้าหน้าที่ปราบปรามคอร์รัปชันในสเปนตั้งข้อสงสัยว่า อดีตคิงสเปนยังมีเงินลับซุกไว้ในสวิตเซอร์แลนด์อีกเพียบ นอกจากมูลนิธิลูคัม ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อรับเงิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และปิดตัวลงในปี 2012 ยังสืบเจอกองทุนลับซากัตกา จดทะเบียนในลิกเตนสไตน์ โดยชื่อผู้รับผลประโยชน์คือ “อัลวาโร เด ออร์ลีนส์” พระญาติห่างๆของ “คิงฮวน คาร์ลอส” อัยการสวิตพยายามซักฟอกว่า ทำไมบัญชีของกองทุนนี้ได้รับเงินหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯจากข้อตกลงทางธุรกิจในต่างประเทศ และยังมีการจ่ายเงินมากกว่า 5 ล้านยูโร เป็นค่าเที่ยวบินส่วนพระองค์ของอดีตกษัตริย์สเปน ซึ่ง “นายอัลวาโร” อ้างว่าถวายการช่วยเหลือ “คิงฮวน คาร์ลอส” เพราะเป็นญาติ และเงินหลายล้านในกองทุนดังกล่าวก็เป็นทรัพย์สินของเขาเอง อย่างไรก็ดี แม้จะมีการสอบสวนอดีตกษัตริย์สเปนเพื่อวินิจฉัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับเงินจากราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียหรือไม่ แต่จนถึงขณะนี้พระองค์ก็ยังทรงได้รับการยกเว้นไม่ถูกดำเนินคดีจากการกระทำใดๆที่เกิดขึ้นก่อนการสละราชสมบัติในปี 2014

เพื่อความอยู่รอดของราชวงศ์ และลดคำครหา กษัตริย์ผู้ลูกจำเป็นต้องฉีกตัวออกห่างจากกษัตริย์ผู้พ่ออย่างฉับพลัน โดยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา “สมเด็จพระราชาธิบดีเฟลิเปที่ 6” ทรงประกาศสละสิทธิ์การรับมรดกจาก “คิงฮวน คาร์ลอส” และสั่งงดพระราชทานเงินประจำปี มูลค่า 194,000 ยูโร แก่พระราชบิดา ปล่อยให้เผชิญชะตากรรมตามลำพัง

ก่อนหน้านี้ พระภคินี “เจ้าหญิงคริสตินา” ก็เคยโดนตัดหางปล่อยวัดมาแล้ว เมื่อพระสวามีถูกสอบสวนพัวพันคดีทุจริตมูลค่าหลายล้านในช่วงต้นปี 2012 สุดท้ายลงเอยด้วยโทษจำคุก 5 ปี 10 เดือน ต้องชดใช้กรรมในกรงขัง ตอกย้ำว่ายุคนี้ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ถ้าย้อนดูประวัติศาสตร์ของสเปนคงเข้าใจว่าทำไมสถาบันต้องสู้ยิบตาเพื่อค้ำบัลลังก์ เพราะกว่าจะได้ราชบัลลังก์กลับคืนมา ก็ต้องระหกระเหินออกนอกประเทศ และรอให้สิ้นสุดระบอบเผด็จการของนายพลฟรานซิสโก ฟรังโก ซึ่งปกครองสเปนยาวนานตั้งแต่ปี 1939-1975.

มิสแซฟไฟร์