บริษัทเจ้าของแฟรนไชส์ร้าน พิซซ่า ฮัต และร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดอื่นๆ ในสหรัฐฯ ยื่นเรื่องขอคุ้มครองการล้มละลายแล้ว หลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการระบาดของไวรัสโควิด-19
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บริษัท ‘เอ็นพีซี อินเทอร์เนชันแนล’ (NPC International) เจ้าของแฟรนไชส์ร้าน ‘พิซซ่า ฮัต’ (Pizza Hut) รายใหญ่ที่สุด มีถึง 1,225 สาขาในสหรัฐฯ ยื่นคำร้องขอความคุ้มครองการล้มละลายแล้ว ตามมาตรา 11 เมื่อวันพุธที่ 1 ก.ค. 2563 หลังการต้องปิดร้านช่วงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการประกอบกิจการ
ตามแถลงการณ์ของเอ็นพีซีฯ ตอนนี้พวกเขาเข้าสู่การเจรจากับเจ้าหน้าที่ เพื่อขอลดหนี้สินที่มีมากถึง 903 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเพื่อเสริมความเข้มแข็งแก่โครงสร้างบริษัทแล้ว ซึ่งอาจรวมถึงการอัดฉีดเงินก้อนใหม่ และการขายแฟรนไชส์ร้านอาหารที่พวกเขาถือครองออกไปบางส่วน ซึ่งสำนักข่าว บลูมเบิร์ก คาดว่าอาจเป็น แฟรนไชส์ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด เวนดีส์ ที่เอ็นพีซีมีอยู่ 385 สาขา
ขณะที่นาย จอน เว็บเบอร์ ประธานและซีอีโอผู้ดูแลแผนก พิซซ่า ฮัต ของ เอ็นพีซีฯ ระบุว่า ต้นทุนที่สูงขึ้นกับระดับการกู้ยืมเงินที่เพิ่มมากขึ้น เป็นความท้าทายอย่างมากต่อการบริหารแฟรนไชส์พิซซ่า ฮัต แต่เขาตั้งใจที่จะเปิดสาขาที่มีอยู่ใน 30 รัฐต่อไป และจะจ่ายค่าแรงแก่พนักงานทุกคนทั้งพนักงานเต็มเวลา 7,500 คน และพนักงานพาร์ทไทม์กว่า 28,500 คนด้วย
ด้าน พิซซ่า ฮัต ซึ่งเป็นของบริษัท ‘ยัม! แบรนด์’ (Yum! Brands) ออกแถลงการณ์ว่า พวกเขาหวังว่าการปรับโครงสร้างดังกล่าว จะช่วยให้แฟรนไชส์พิซซ่า ฮัต ของเอ็นพีซีฯ สามารถสร้างแรงผลักดันเหมือนที่เกิดขึ้นกับธุรกิจพิซซ่า ฮัต ทั้งหมดในสหรัฐฯ ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา โดยในเดือนพฤษภาคม พวกเขามียอดจัดส่งและยอดขายรายสัปดาห์ สูงที่สุดในรอบ 8 ปี
...
อย่างไรก็ตาม แบรนด์ พิซซ่า ฮัต กำลังเผชิญความท้าทายครั้งสำคัญจากคู่แข่งที่เริ่มเข้าสู่ตลาดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้ยอดขายของพวกเขาลดลงเล็กน้อยแต่ต่อเนื่องมาตลอด
ทั้งนี้ บริษัท เอ็นพีซีฯ ถือครองแฟรนไชส์ร้าน พิซซ่า ฮัต 1,225 สาขา จากทั้งหมด 7,100 สาขาทั่วสหรัฐฯ เอ็นพีซีฯ ยังเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด เวนดีส์ จำนวน 385 สาขา จากทั้งหมดกว่า 6,500 สาขาทั่วประเทศด้วย