มนุษย์เงินเดือนยุคนี้ อนาคตแขวนอยู่บนเส้นด้าย จากเคยหนาวๆร้อนๆว่าจะตกงานเพราะโดนหุ่นยนต์แย่งทำกิน ยังไม่ทันปรับตัวได้ก็มาเจอเทคโนโลยีดิสรัปชันให้เสียวสันหลัง แถมปีนี้ยังเคราะห์ซ้ำกรรมซัดต้องตกงานกันเป็นเบือ มีแต่ข่าวเลย์ออฟปลดพนักงานจากทั่วทุกมุมโลก เพราะวิกฤติโควิด-19 กำลังพ่นพิษฉุดเศรษฐกิจโลกให้ตกต่ำสุดในรอบ 150 ปี ขนาดเวิลด์แบงก์ฟันธงว่า ปีนี้เศรษฐกิจโลกจะติดลบ 5.2% และมีประชากรโลกอยู่ในภาวะยากจนสุดขีด 70-100 ล้านคน

จะกิจการใหญ่กิจการเล็กก็โดนหางเลขหมด ขนาดสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ยอมรับว่า พิษโควิด-19 ทำให้คนไทยเสี่ยงตกงานมากกว่า 8.4 ล้านคน นี่แค่ไตรมาสแรกปีนี้เท่านั้น โดยกลุ่มธุรกิจที่โดนเลย์ออฟหนักสุดคือ “ภาคท่องเที่ยว” จะมีคนตกงาน 2.5 ล้านคน จากการจ้างงาน 3.9 ล้านคน รองมาเป็นแรงงานภาคอุตสาหกรรม ที่คาดว่ามีคนเตะฝุ่น 1.5 ล้านคน ส่วนภาคบริการอื่นๆที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ ปิดห้างสรรพสินค้า, ร้านอาหารและสถานประกอบการต่างๆ คาดว่าจะว่างงานไม่ต่ำกว่า 4.4 ล้านคน นี่ยังไม่นับรวมไตรมาสสองที่ผลประกอบการบริษัทจะแดงแจ๋ขาดทุนกันระนาว

โควิด-19 เร่งสปีดทุกอย่างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด แม้แต่ “15 อาชีพเสี่ยงสูญพันธุ์ ภายในปี 2026” ที่สำนักงานสถิติแรงงานแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (BLS) เคยทำนายไว้ ก็คาดว่าจะโดนเร่งให้กลับบ้านเกิดเร็วกว่ากำหนด นำขบวนโดย “พนักงานธนาคาร” BLS ทำนายไว้ว่า ภายในปี 2026 จะมีหนุ่มสาวแบงก์ตกงาน 41,800 ราย หรือคิดเป็น 8% ของอัตราจ้างงานในภาคอุตสาหกรรม ขณะที่ “ซิตี้กรุ๊ป” คาดการณ์แบบเอ็กซ์ตรีมว่า ภายในปี 2025 พนักงานแบงก์ในอเมริกาและยุโรปจะตกงานเกือบ 2 ล้านตำแหน่ง เพราะถูกแทนที่ด้วยความก้าวล้ำของเทคโนโลยี

...

“พนักงานคอลเซ็นเตอร์ และโอเปอเรเตอร์” ก็มีชะตากรรมไม่ต่างกัน คาดจะตกงานกว่า 18,500 ตำแหน่ง ภายในปี 2026 ทุกวันนี้ในอเมริกานำเอา “แชตบ็อต” มาใช้ตอบคำถามและบริการลูกค้า จนลูกค้าแยกไม่ออกแล้วว่าเป็นหุ่นยนต์หรือมนุษย์ แถมในอเมริกาเกินกว่าครึ่งของประชากรเลิกใช้โทรศัพท์บ้านกันหมดแล้ว ต้องโทษสมาร์ทโฟนและอินเตอร์เน็ต ที่ทำให้มนุษย์ถูกแย่งงานทำ

“แคชเชียร์เก็บเงิน” เป็นอีกอาชีพที่โดนสอยน่วม เพราะถูกแทนที่ด้วย “แคชเชียร์อัตโนมัติ” ที่ลูกค้าสามารถทำทุกอย่างเอง ตั้งแต่ยิงบาร์โค้ดสินค้าและชำระเงินด้วยตัวเอง โดยไม่พึ่งพนักงานแคชเชียร์ ญี่ปุ่นเป็นเจ้าไอเดียบุกเบิกเทคโนโลยีนี้ เครื่องคิดเงินอัตโนมัติรุ่นใหม่ยังพัฒนาจนสามารถบรรจุสินค้าลงถุงได้เอง

“คอมพิวเตอร์ โปรแกรมเมอร์” แม้จะอยู่ในแวดวงไฮเทค แต่ปัจจุบันบริษัทมะกันส่วนใหญ่ก็เลือกจ้างโปรแกรมเมอร์เป็นจ๊อบๆไป เพื่อลดค่าใช้จ่ายจากการจ้างพนักงานประจำ โปรแกรมเมอร์ยุคเก่าจึงมีความเสี่ยงตกงานมากกว่า 7.2% คิดเป็นตัวเลข 21,300 ตำแหน่ง

ถ้าขนาดนักเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ยังเสี่ยงตกงาน ก็ไม่แปลกใจที่อาชีพคลาสสิก “เลขานุการ และพนักงานแอดมิน” จะเข้าข่ายใกล้สูญพันธุ์ โดย BLS ทำนายว่า ภายในปี 2026 จะมีเลขาตกงานมากกว่า 321,200 ตำแหน่ง หรือคิดเป็น 17% ของอัตราจ้างงานทั่วอเมริกา ยกเว้นเลขาในภาคอุตสาหกรรมการแพทย์และสาธารณสุขยังพอมีอนาคต ไม่ใกล้ไม่ไกลกันที่เสี่ยงตกงานคือ “เสมียน” ลุงป้าที่คอยจัดการกองเอกสารในออฟฟิศ BLS ทำนายว่า ภายในปี 2026 มีแนวโน้มว่างงาน 71,000 ตำแหน่ง คิดเป็น 10.4% ของอัตราการจ้างงาน

“บุรุษไปรษณีย์” ใครๆ ก็คิดว่ายุคอีคอมเมิร์ซเฟื่องฟูแบบนี้ ธุรกิจไปรษณีย์น่าจะบูมสุดๆ และอนาคตของพนักงานไปรษณีย์ก็คงมั่นคงไม่น้อย แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว นับตั้งแต่มีอินเตอร์เน็ต การไปรษณีย์อเมริกาสูญเสียรายได้ไปมหาศาล โดย BLS คาดการณ์ว่า ภายในปี 2026 จะมีบุรุษไปรษณีย์ตกงานเพิ่ม 55,700 ตำแหน่ง

“ช่างเรียงพิมพ์ และสาวโรงงานทอผ้า” ก็เผชิญชะตากรรมไม่ต่างกัน เพราะอยู่ในอุตสาหกรรมขาลง โดย BLS ทำนายว่า ภายในปี 2026 จะมีช่างเรียงพิมพ์ตกงานถึง 2 ใน 3 ของการจ้างงาน คิดเป็นตัวเลข 18,600 ตำแหน่ง ส่วนสาวโรงงานทอผ้า จะเสียงานให้หุ่นยนต์ 25,700 ตำแหน่ง หรือ 16.7% ยิ่งเป็นยุคโควิดด้วยแล้ว ยิ่งพิสูจน์ชัดว่าระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์อะไรคุ้มค่าเงินกว่ากัน

เพราะเป็น “ลูกจ้าง” จึงเจ็บปวดร่ำไป ถ้าอยากลิขิตอนาคตได้เอง ต้องเป็น “นายตัวเอง”.

มิสแซฟไฟร์