พลเอก คาเซม โซไลมานี่ และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
การสังหารพลเอก คาเซม โซไลมานี่ ผู้บัญชาการกองกำลังลับ ‘คุดส์ ฟอร์ซ’ (Quds force) ในกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน แสดงให้เห็นว่าความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านกำลังรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว และเป็นที่คาดการณ์อย่างกว้างขวางว่า อิหร่านจะแก้แค้นสหรัฐฯ ในเรื่องนี้อย่างแน่นอน ซึ่งอาจทำให้ทั้งสองประเทศเข้าใกล้การเผชิญหน้าโดยตรงมากขึ้น
ฟิลิป กอร์ดอน ซึ่งเป็นผู้ประสานงานของสหรัฐฯ ในภูมิภาคตะวันออกกลางและอ่าวเปอร์เซียในยุคของรัฐบาลอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา มองว่า การสังหารนายพลโซไลมานี่เกือบจะถือเป็นการ “ประกาศสงคราม” กับอิหร่าน
สาเหตุที่นายพลโซไลมานี่ถูกสหรัฐฯ หมายหัว ต้องดูที่บทบาทของเขาในกองกำลังคุดส์ โดยหน่วยนี้รับผิดชอบในเรื่องปฏิบัติการของอิหร่านในต่างประเทศ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะในเลบานอน, อิรัก, ซีเรีย หรือที่อื่นๆ พลเอกสุไลมานีเป็นผู้บงการคนสำคัญในการขยายอิทธิพลของอิหร่านด้วยแผนการโจมตี หรือสนับสนุนแนวร่วมของอิหร่านในประเทศต่างๆ
...
สำหรับสหรัฐฯ นายพลโซไลมานี่สังหารชาวอเมริกันไปมากมาย แต่เขาได้รับการยกย่องอย่างมากในอิหร่าน โดยเฉพาะในเรื่องที่เขาเป็นหัวหอกในการตอบโต้แรงกดดันจากต่างชาติและการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ดังนั้นสิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดไม่ใช่การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หมายหัวชายคนนี้ แต่เป็นเรื่องที่ทำไม สหรัฐฯ ถึงสังหารเขาในตอนนี้ต่างหาก
สหรัฐฯ กล่าวโทษอิหร่านว่าอยู่เบื้องหลังการยิงมิสไซล์โจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ในอิรักหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งทำให้มีลูกจ้างชาวอเมริกันถูกสังหารด้วย และก่อนหน้านี้อิหร่านก็โจมตีเรือบรรทุกน้ำมันหลายลำในอ่าวเปอร์เซีย, ยิงอากาศยานไร้คนขับของสหรัฐฯ จนตก และก่อการโจมตีครั้งใหญ่ที่โรงงานผลิตน้ำมันซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ มาแล้ว แต่รัฐบาลวอชิงตันก็ไม่ได้ตอบโต้กลับโดยตรงเลย
ในกรณีการยิงจรวดโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ ในอิรัก กระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ หรือ เพนตากอน ตอบโต้ไปแล้วด้วยการโจมตีกลุ่มติดอาวุธฝ่ายสนับสนุนอิหร่านที่พวกเขาเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตี ซึ่งนั่นก็อาจเป็นสาเหตุให้เกิดการโจมตีสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงแบกแดดของอิรักเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
เพนตากอนออกแถลงการณ์ชี้แจงเรื่องการสังหารนายพลโซไลมานี่ โดยกล่าวหาว่าชายคนนี้ “วางแผนโจมตีทูตและเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ในอิหร่านและทั่วภูมิภาคอยู่ตลอดเวลา” จึงอาจมองได้ว่า เพนตากอนไม่ได้ต้องการเพียงเอาคืนการกระทำในอดีตของโซไลมานี่เท่านั้น แต่ยังเป็นการโจมตีเพื่อป้องปรามอิหร่านไม่ให้หาเรื่องสหรัฐฯ ในอนาคตด้วย
*อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้?
สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้นับเป็นคำถามใหญ่ ประธานาธิบดีทรัมป์คงหวังให้การสังหารนายพลสุไลมานีมีผลทั้ง ขู่ให้อิหร่านกลัว และพิสูจน์ให้ชาติพันธมิตรในภูมิภาคอย่างอิสราเอล และซาอุดีอาระเบีย เห็นว่า สหรัฐฯ ยังมีเขี้ยวเล็บอยู่ อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องสงสัยเลยว่า อิหร่านจะต้องแก้แค้นต่อเหตุการณ์นี้แน่นอน แม้อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นทันทีก็ตาม
...
ความตึงเครียดในอ่าวเปอร์เซียจะเพิ่มสูงขึ้น ผลกระทบแรกเลยคือราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้น ทหารสหรัฐฯ 5,000 นายในอิรักอาจตกเป็นเป้าหมายการโจมตี สหรัฐฯ กับชาติพันธมิตรจะเสริมการป้องกันตัวเอง โดยสหรัฐฯ ส่งกำลังเสริมจำนวนหนึ่งไปยังสถานทูตของพวกเขาในกรุงแบกแดดแล้ว และยังมีแผนที่จะเพิ่มกำลังทหารในภูมิภาคอีกหากจำเป็น
แต่ก็มีโอกาสที่ อิหร่านจะไม่ใช้วิธีตาต่อตาฟันต่อฟัน ตอบโต้ขีปนาวุธด้วยขีปนาวุธ พวกเขาอาจอาศัยแรงสนับสนุนพวกเขาในภูมิภาค ผ่านตัวแทนและเงินทุนที่นายพลโซไลมานี่สั่งสมมา การบุกปิดล้อมสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงแบดแดดอาจเกิดขึ้นอีก ทำให้รัฐบาลอิรักตกที่นั่งลำบาก จนเกิดการตั้งคำถามเรื่องการส่งทหารเข้ามาของสหรัฐฯ หรืออาจเกิดการประท้วงขึ้นที่อื่น เพื่อบังหน้าการตอบโต้ของอิหร่านก็เป็นได้