เมื่อ 3 ธ.ค. นายโรเบิร์ด ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ประกาศว่ารัฐบาลสหรัฐฯอยู่ระหว่างพิจารณาจัดเก็บภาษีสินค้าฝรั่งเศสภายใน 14 ม.ค. ปีหน้า เพื่อตอบโต้ที่ฝรั่งเศสออกกฎหมายช่วงกลางปีสั่งเก็บภาษีบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯที่มีรายได้ต่อปีอย่างน้อย 830 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
โดยเป็นการเก็บภาษีในอัตรา 3 เปอร์เซ็นต์จากรายได้ประจำปีของบริษัท มิใช่การเก็บภาษีจากกำไรบริษัทตามมาตรฐานปกติ ซึ่งถือว่าไม่ยุติธรรมสำหรับสหรัฐฯ และแสดงให้เห็นว่าชาติยุโรปกำลังกลายเป็นลัทธิคุ้มครองการค้าสินค้าฝรั่งเศสที่สหรัฐฯจะจัดเก็บภาษี รวมทั้งเครื่องสำอาง สบู่ กระเบื้อง กระเป๋า เนย เนยแข็ง และแชมเปญ มูลค่ารวมกว่า 2,400 ล้านดอลลาร์ โดยสินค้าบางประเภทอาจเก็บภาษีในอัตรา 100% สหรัฐฯยังมีแนวทางต่อประเทศอื่นๆในยุโรปเช่นกัน ทั้งออสเตรีย อิตาลี ตุรกี ที่มีมาตรการเก็บภาษีคล้ายฝรั่งเศส ด้านนายบรูโน เลอ แมร์ รมว.คลังฝรั่งเศส แถลงว่า การเก็บภาษีของสหรัฐฯ “ยอมรับไม่ได้” และสหภาพยุโรป (อียู) พร้อมตอบโต้อย่างรุนแรง
วันเดียวกัน นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยอมรับว่าการบังคับใช้กฎหมายสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยในฮ่องกงอาจกระทบต่อการเจรจาหาข้อตกลงคลี่คลายสงครามการค้ากับจีน ส่วนรัฐบาลจีนอยู่ระหว่างพิจารณาห้ามนักการทูตสหรัฐฯเดินทางเข้าเขตปกครองตนเองซินเจียงทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ.