2 อดีตผู้บริหารบ.มิตซูบิชิ ฮิตาชิ เพาเวอร์ฯ รับสารภาพต่อศาลแขวงกรุงโตเกียว ให้เงินสินบน 11 ล้านบาทแก่จนท.ระดับสูงคนหนึ่งในกระทรวงคมนาคมไทย แลกเปลี่ยนกับการอำนวยความสะดวกโครงการสร้างโรงไฟฟ้า


เมื่อ 27 ธ.ค.61 เว็บไซต์ mainichi สื่อในญี่ปุ่น รายงาน นายฟูยูฮิโกะ นิชิคิดะ วัย 63 ปี และนายโยชิกิ ทสึจิ วัย 57 ปี อดีตผู้บริหารบริษัทมิตซูบิชิ ฮิตาชิ เพาเวอร์  ซิสเต็มส์ (Mitsubishi Hitachi Power Systems Inc.) ยอมรับสารภาพตามข้อกล่าวหา ต่อศาลแขวงกรุงโตเกียว เมื่อ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า ได้ให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งของกระทรวงคมนาคมของไทย เป็นจำนวนเงิน 11 ล้านบาท เมื่อก.พ.2558 เพื่อแลกเปลี่ยนกับการได้รับการอำนวยความสะดวกในการขนเครื่องจักรขึ้นท่าเรือไปใช้ในโครงการสร้างโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในประเทศไทย

ข่าวแจ้งว่า ศาลแขวงกรุงโตเกียวได้รับคำร้องขอต่อรองคำรับสารภาพ ซึ่งทีมอัยการ ฝ่ายโจทก์และบริษัทมิตซูบิชิ ฮิตาชิ เพาเวอร์ ซิสเต็มส์ ได้ลงนามในข้อตกลงที่จะขอต่อรองคำรับสารภาพต่อศาล กันเมื่อ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังจากนายนิชิคิดะ และนายทสึจิ ได้ถูกฟ้องในข้อหาสมคบคิดกับนายซาโตะชิ อูชิดะ วัย 64 ปี ซึ่งขณะนั้นเป็นอดีตผู้จัดการโครงการโรงไฟฟ้า ได้แอบให้สินบนก้อนโต 11 ล้านบาท แก่เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่ง ของการท่าเรือ สังกัดกระทรวงคมนาคมของไทย หลังจากเจ้าหน้าที่ทางการไทยหลายคนได้บอกกับพวกตนว่าการขนถ่ายสินค้าของบริษัทมิตซูบิชิ ฮิตาชิ เพาเวอร์ ไม่ได้มาตรฐานตรงตามเงื่อนไขที่จำเป็น

ระหว่างการไต่สวนคำร้องนัดแรกของศาลแขวงกรุงโตเกียวนั้น อัยการกรุงโตเกียวได้ระบุว่า นายนิชิคิดะ และนายทสึจิ ได้ขอคำแนะนำจากนายอูชิดะ หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งของกระทรวงคมนาคมของไทยได้เรียกรับเงินสินบน และนายอูชิดะได้ยอมรับคำขอ เพราะคิดว่าหากไม่จ่ายเงินสินบน ซึ่งจะส่งผลให้โครงการสร้างโรงไฟฟ้าประสบปัญหาล่าช้าออกไป และทำให้ทางบริษัทเสียหายและจะก่อให้เกิดปัญหาหลายอย่างตามมาแก่บรรดาลูกค้าของบริษัท

...

ทั้งนี้ อดีตผู้บริหารทั้งสองคนของบริษัทมิตซูบิชิ ฮิตาชิ เพาเวอร์ ซิสเต็มส์ ได้ถูกอัยการยื่นฟ้อง หลังจากมีคนหนึ่งได้แจ้งเบาะแสการกระทำผิดดังกล่าว จนนำไปสู่การสืบสวน จากนั้น บริษัทมิตซูบิชิ ฮิตาชิ เพาเวอร์ ซิสเต็มส์ซึ่งมีฐานอยู่ในเมืองโยโกฮามา ได้ยื่นขอต่อรองรับสารภาพ จนนำมาสู่การไต่สวนนัดแรก เมื่อ 25 ธ.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่นายอูชิดะจะต้องขึ้นศาลนัดแรก ในวันที่ 11 ม.ค.2562