ผู้บริหารบริษัทคอยน์เช็ค ให้สัญญาจะคืนเงินกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท แก่ลูกค้า หลังจากโดนแฮกเกอร์มือดีเข้ามาเจาะระบบคอมพิวเตอร์ ขโมยเงินดิจิทัลไปได้มหาศาลถึง 1.6 หมื่นล้าน
เมื่อ 29 ม.ค. 61 สำนักข่าวบีบีซี รายงาน ประธาน และผู้บริหารบริษัท คอยน์เช็ค (Coincheck) หนึ่งในบริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัลใหญ่ที่สุดแห่งหน่ึงในญี่ปุ่น แถลงต่อนักข่าว เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา หลังบริษัทคอยน์เช็คต้องเผชิญกับเหตุร้าย โดนแฮกเกอร์เข้ามาเจาะระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ขโมยเงินดิจิทัลไปได้มหาศาลถึง 5,800 ล้านเยน หรือประมาณ 16,700 ล้านบาทว่า ทางบริษัทคอยน์เช็ค ขอให้คำมั่นสัญญากับลูกค้า นักลงทุนว่าจะไดัรับเงินคืนกว่า 46,000 ล้านเยน ประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท จาการที่ต้องสูญเสียเงินดิจิทัล ซึ่งเป็นเงินเสมือนจริง สกุล NEM ที่ถูกแฮกเกอร์ขโมยไปคราวนี้
...
บีบีซี คาดว่ามีลูกค้าของบริษัทคอยน์เช็ค ประมาณ 260,000 คน ได้รับผลกระทบจากการขโมยเงินดิจิทัลครั้งใหญ่ที่สุดในโลกครั้งนี้ โดยทางผู้บริหารบริษัทคอยน์เช็คสัญญาว่า จะคืนเงินเกือบ 90% ของเงินดิจิทัล สกุล NEM ที่โดนแฮกเกอร์ขโมยไป 58,000 ล้านเยน ขณะที่ทางบริษัทคอยน์เช็คยังเปิดเผยด้วยว่า ทางบริษัทมีดิจิทัล แอดเดรส (Digital Address) ที่เงินดิจิทัลเหล่านี้ถูกส่งไปเก็บไว้
ตามการเปิดเผยของ นายยูสึเกะ ออตสึกะ หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของบริษัทคอยน์เช็ค ระบุว่า แฮกเกอร์ได้เข้ามาเจาะระบบเครือข่ายของบริษัทคอยน์เช็ค ตอนเวลา 02.57 น. ของเช้าวันที่ 26 ม.ค.ตามเวลาท้องถิ่น แต่ทางสาขาดังกล่าวมาพบ เมื่อเวลา 11.25 น. หลังจากโดนขโมยเงินไปแล้วเกือบ 8 ชั่วโมง 30 นาที โดยเงินดิจิทัลที่ถูกแฮกเกอร์ขโมยไป 58,000 ล้านเยนนั้น เป็นเงินสกุล NEM ซึ่งมูลค่าเงินที่โดนขโมยไปนั้น คำนวนจากอัตราแลกเปลี่ยนตอนโดนขโมย
บริษัท คอยน์เช็ค (Coincheck) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ก่อตั้งเมื่อปี 2555 และมีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงโตเกียว ได้ถูกแฮกเกอร์มือดีเข้ามาเจาะระบบคอมพิวเตอร์ โจรกรรมเงินดิจิทัลไปได้มหาศาลถึง 5,800 ล้านเยน หรือราว 534 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 16,700 ล้านบาท) จนถือเป็นการขโมยเงินดิจิทัลครั้งใหญ่ที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทคอยน์เช็คจะตรวจสอบจำนวนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบครั้งนี้ว่ามีจำนวนเท่าใด และเป็นลูกค้าในญี่ปุ่นหรือต่างประเทศ