น.1 ประชุมทีมสืบสวนเตรียมออกหมายจับ 2 คนร้ายตีหัวกรรมการเจ็บ-ยิง รปภ. เข้าช่วยดับ โดยระบุชื่อจริง อุบรายละเอียด ไม่ยืนยันกบดานอยู่ใน กทม. หรือไม่ เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน หาปมเหตุ ...

เมื่อ‪เวลา 11.00 น.‬ วันที่ 28 มี.ค. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เปิดเผยความคืบหน้าคดีใช้ท่อนไม้ทุบ นายอุดม ดีกระจ่าง อายุ 59 ปี ประธานกรรมการเทคนิค หรือกรรมการตัดสินมวย และใช้อาวุธปืนจ่อยิง นายอนุชา ประทุมมา อายุ 50 ปี รปภ.เข้ามาห้าม เสียชีวิต ที่สนามมวยลุมพินี รามอินทรา ว่า ในวันนี้จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาพยานหลักฐานเพื่อไปเสนอศาลขอออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวเพิ่มเติม โดยจะเป็นการออกหมายจับโดยใช้การระบุชื่อจริง แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ว่าเป็นหมายจับของใคร เพราะเกรงว่าจะกระทบกับรูปคดี ขณะเดียวกันได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนเร่งติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสอง ซึ่งไม่ขอยืนยันว่ายังกบดานอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ หรือไม่ โดยจะพยายามระบุชื่อให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะได้ ขณะนี้ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนจัดทีมไล่ล่าแล้ว

พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวอีกว่า ส่วนในทางการสืบสวนก็ยังต้องรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อหาข้อสรุปปมเหตุการณ์ลงมือทำร้ายร่างกาย นายอุดมว่า เกิดจากการว่าจ้างให้มาทำร้ายร่างกาย หรือเกิดจากความไม่พอใจของตัวผู้ก่อเหตุเอง ส่วนข้อสันนิษฐานถึงปมเหตุลงมือทำร้ายร่างกาย จากการสอบปากคำพยานหลายปาก ยังไม่พบว่า นายอุดม มีความขัดแย้งที่มาจากความประพฤติส่วนตัวกับใคร หรือไปทำให้ผู้อื่นผู้ใดเจ็บแค้น คงเหลือประเด็นที่เกี่ยวกับหน้าที่การงานในฐานะประธานกรรมการฝ่ายเทคนิค ที่อยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบ

“นอกจากนี้ ยังให้ฝ่ายสืบสวนพิสูจน์ข้อสันนิษฐานความเป็นไปได้อื่นๆ เช่น เรื่องการประกอบอาชีพค้าขายที่หน้าสนามมวย หรือแม้แต่กรณีของผู้เสียชีวิต ว่ามีความแค้นกับใครหรือไม่ รวมถึงการสอบปากคำพยานที่เป็นญาติ หรือคนใกล้ชิด ซึ่งต้องทำเพื่อความรอบคอบแม้ว่าจะยังไม่มีประเด็นข้อบ่งชี้ในเรื่องนี้ก็ตาม โดยจะต้องตรวจสอบทุกประเด็น ต้องทำให้ทุกด้านแล้วมาตัดออก ส่วนคดีดังกล่าวมีเรื่องเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลหรือคนมีสีหรือไม่ ยืนยันว่าไม่มีใครเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ผู้ใหญ่รัฐบาล และตนเอง พยายามทำความเข้าใจว่าผู้มีอิทธิพลมันมีไม่ได้ หากนิยามว่าผู้มีอิทธิพลคือผู้กระทำผิดกฎหมาย ตำรวจเป็นผู้รักษากฎหมาย จะต้องใช้กฎหมายด้วยความยุติธรรม” ผบช.น. กล่าว

...

ผบช.น. กล่าวอีกด้วยว่า ยืนยันว่าคดีนี้จะทำงานด้วยความรอบคอบ ต้องมีหลักฐานเชิงประจักษ์ พิสูจน์ข้อเท็จจริงต่อสังคมได้ ไม่นำแกะ แพะ มาดำเนินคดี พร้อมยังยืนยันว่า คดีนี้หากเปรียบเป็นขั้นบันได 20 ขั้น ขณะนี้อยู่ที่ขั้นที่ 16 ซึ่งใกล้จะได้ข้อเท็จจริงทั้งหมดแล้ว ทุกคดีอย่าไปมองว่าเขาเป็นใคร มองเขาเป็นผู้เสียหาย มองเขาว่าเป็นเหยื่อ มองเขาว่าเป็นผู้กระทำความผิดหรือเปล่า ถ้าไม่ได้กระทำความผิด ไม่ต้องกังวลใจ

เมื่อถามถึงการสอบปากคำเสี่ยแขกนั้น พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ทางพนักงานสอบสวน สน.บางเขน ได้สอบปากคำแล้ว ซึ่งจากการสอบปากคำอาจจะต้องมีการเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติมบางประเด็น ในส่วนประเด็นที่มีเรื่องเกี่ยวกับหน้าที่การงานระบุออกมาในใบปลิวนั้น เสี่ยแขกได้ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้มีพฤติการณ์เช่นนั้น และคงให้ร้องทุกข์กล่าวโทษหากไม่เป็นความจริง กรณีใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สามโดยประการที่จะทำให้ผู้นั้นเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชังในความผิดฐานหมิ่นประมาท ซึ่งหากไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องทางเสี่ยแขกควรที่จะแจ้งความเอาผิด เพราะทำให้เสียชื่อเสียง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง