ผู้ก่อตั้งเพจ “กล้าที่จะก้าว” พบตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ แจ้งความเอาผิด “เสี่ยต่อ” เจ้าของร้านเดอะมูนบาร์ ย่านบางใหญ่ หมิ่นประมาทออกทีวี แจงดราม่ารับเงินสนับสนุนจริง พร้อมเตรียมประสาน “อนุทิน ชาญวีรกูล” เรื่องถ่ายบัตรประชาชนลูกค้า ผู้เสียหายพุ่ง 400 กว่ารายแล้ว ยันดำเนินการต่อให้ถึงที่สุด

เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2568 ที่ จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 17.00 น. วานนี้ (7 ม.ค. 67) นายอธิวัฒน์ สิริกังวาลวงศ์ ผู้ก่อตั้งเพจ กล้าที่จะก้าว เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี ขณะกำลังออกรายการ โหนกระแส เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 67 ทางรายการได้โฟนอินระหว่างนายต่อ หรือเสี่ยต่อ เจ้าของร้านเดอะมูนบาร์ ย่านบางใหญ่ จ.นนทบุรี ปรากฏว่า นายต่อ ได้พูดกล่าวหาว่า ตนไปกรรโชกทรัพย์ จึงได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาท

นายอธิวัฒน์ สิริกังวาลวงศ์ ผู้ก่อตั้งเพจกล้าที่จะก้าว กล่าวว่า วันนี้มาแจ้งความเนื่องจากเมื่อวานวันที่ 6 มกราคม 68 ตนได้ไปออกรายการโหนกระแส แล้วมีการโฟนอินกับเจ้าของร้าน ร้านเหล้าชื่อดังที่เป็นข่าวในปัจจุบัน ก็มีการพาดพิงถึงตน ว่าตนไปกรรโชกทรัพย์เขา ซึ่งเงินจำนวน 5,000 บาทจำนวน 2 เดือน คือเดือนพฤศจิกายน และเดือนธันวาคม ปี 66 เป็นการสนับสนุนเพจด้วยการแลกให้ตนโพสต์โปรโมทร้าน และโปรโมทบุคคลให้กับเขา และลงชื่อและจำนวนเงินชัดเจน วันนี้เลยต้องมาแจ้งความเพื่อปกป้องตัวของตนเอง ลูกตนและครอบครัวตน วันนี้มาแจ้งความในส่วนของหมิ่นประมาททำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง เพราะรายการโหนกระแสคนดูทั้งประเทศ

นายอธิวัฒน์ สิริกังวาลวงศ์ กล่าวว่า ตอนนี้มีดราม่าว่าตนรับเงินจริง เพราะฉะนั้นตนจึงออกมาแก้ต่าง ว่าตนไม่ได้รับเงินและไม่ได้ไปกรรโชกทรัพย์ เงินที่ได้รับเป็นการสนับสนุนจริง และมีการคุยแชทและนำหลักฐานมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในเพจตนเป็นการโฆษณาจะมีอยู่ 5 ตัว ก็จะมีร้านของเขาและเป็นร้านอาหาร เต็นท์รถมือสอง บริษัทรถเช่า และรวมถึงสถาบันกวดวิชา ทุกตัวที่เขาสนับสนุน เขาโอนเงินเข้ามาในบัญชีตนบัญชีเดียว และตนก็โพสต์ลงเพจของตนทุกอัน ไม่ใช่ว่ามีแค่ร้านเขาร้านเดียว

...

นายอธิวัฒน์ สิริกังวาลวงศ์ กล่าวว่า ตอนนี้มีผลกระทบอย่างมากเลย คือกระแสสังคม ตนไม่ได้ซีเรียสเลย แต่ตนซีเรียสในส่วนของลูกสาวตน เมื่อวานลูกตน 5 ขวบ เดินมาถามตนว่าใครด่าพ่อ แล้วทำไมเขาถึงด่าพ่อ มันเป็นคำถามที่ตนรู้สึกว่ามันติดอยู่ในอก เพราะฉะนั้นวันนี้ตนจึงออกมา ตนจะไม่เงียบอีกต่อไป และในส่วนที่ช่วยเหลือประชาชนเรื่องบัตรประชาชนตนก็จะดำเนินการต่อให้ถึงที่สุด

“จะมีในการข้อความแชทที่คุยกับเจ้าของร้านเอง แล้วก็หุ้นส่วนเขา 2 คน รวมไปถึงคลิปวีดีโอที่อัดรายการอยู่ขณะนั้นว่าเขาพูดอะไรถึงตนบ้าง”

นายอธิวัฒน์ สิริกังวาลวงศ์ กล่าวว่า จุดเริ่มต้นในการพูดคุยแชทกัน ทางเจ้าของร้านได้แลกไลน์กับตน แล้วมีการพูดคุยกัน จากข้อความเขาเป็นคนเสนอที่อยากจะสนับสนุนเพจ เพราะเขาเปิดสถานบันเทิงในพื้นที่นนทบุรี แล้วเขาเห็นตนช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่นนทบุรี ก็อยากเอาเงินรายได้ของเขาส่วนหนึ่งมาช่วยสังคม เพราะข้อความในแชทคุยกันชัดเจนและทางเขาเป็นฝ่ายที่ติดต่อมาแล้วให้ตนคุยกับหุ้นส่วนอีกทีหนึ่ง ยืนยัน 100% เพราะว่าถ้าตนไปกรรโชกทรัพย์ เหตุการณ์นี้เกิดตั้งแต่ปี 66 แล้วปี 67 ทั้งปีทำไมถึงไม่ฟ้องดำเนินคดีกับตน ทำไมถึงมาดำเนินคดีตอนที่ตนช่วยเหลือประชาชนเกี่ยวกับร้านเขา

ตนได้เช็คทั้งกับผู้กำกับ สภ.บางใหญ่ และผู้กำกับ สภ.ปากเกร็ด ตอนนี้ผู้เสียหายที่ไปแจ้งความ 400 กว่ารายแล้ว เรื่องนี้เดี๋ยวจะได้ประสาน นายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไรต่อ เพราะว่าประชาชนกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัว