สังคมฟอนเฟะ โจรโรคจิตหื่นกามสวมไอ้โม่งจี้ชิงเงินข่มขืน ยายวัย 68 และ 78 ฉวยโอกาสผู้เสียหายรายแรกไปนากลางวันแสกๆ ล็อกคอขู่เอาเงิน ลากไปขยี้กามยับ แจ้งตำรวจยังตามจับไม่ได้ ผ่านไปไม่กี่เดือนผู้เสียหายอีกรายเป็นญาติลูกพี่ลูกน้องตกเป็นเหยื่อ โดนชิงเงินเกือบ 500 ก่อนจับมัดขืนใจสุดเถื่อน เครียดถึงขั้นต้องกินยา ตัดสินใจชวนกันร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาฯจี้ลากคอคนร้าย เผยมีผู้เสียหายอีก 1-2 ราย อับอายไม่กล้าแจ้งความ แถมสาวรุ่น คนแก่ และเด็กหญิงผวาภัยกันทั้งหมู่บ้าน

สองยายลูกพี่ลูกน้องบุกร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาฯจี้ตำรวจตามลากคอโจรโรคจิตจี้ข่มขืนกลางทุ่งนา เปิดเผยเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 24 ธ.ค. ที่มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นางน้อย อายุ 68 ปี พร้อมด้วยนางสา อายุ 78 ปี (ทั้งคู่นามสมมติ) เดินทางมาจาก จ.นครราชสีมา เข้าร้องทุกข์ต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ให้ช่วยติดตามคดีกรณีทั้งคู่ถูกโจรหื่นกามบุกจี้ชิงทรัพย์แล้วบังคับข่มขืนจนสำเร็จความใคร่กลางวันแสกๆ ผู้เสียหายทั้งสองรายเข้าแจ้งความตำรวจ สภ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา แต่ยังจับกุมคนร้ายไม่ได้ กลัวว่าผู้ก่อเหตุจะไปก่อเหตุกับเหยื่อหญิงสาวและคนชราอีก

นางน้อย ผู้เสียหายเหยื่อรายแรกเล่าเหตุการณ์สุดรันทดว่า ตนกับนางสาเป็นญาติลูกพี่ลูกน้องกัน เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะตนพร้อมสามีและน้องสาวพากันไปนำต้นกล้าปลูกข้าวกลางทุ่งนา อยู่ห่างจากบ้านประมาณ 500 เมตร ใกล้เที่ยงสามีและน้องสาวมีธุระกลับบ้านไปก่อน ระหว่างอยู่คนเดียว มีคนร้ายเป็นชายตัวผอมสูงสวมหมวกไอ้โม่งเข้าประชิดตัวบีบคอฉุดลากเข้าไปใกล้บ่อน้ำเป็นที่ลับตา ขู่เอาเงิน แต่ตนบอกไม่มีและร้องขอชีวิต คนร้ายขู่ให้อยู่เฉยๆ ไม่ให้ส่งเสียงดัง ไม่เช่นนั้นจะบีบคอให้ตาย จากนั้นถลกเสื้อขึ้นปิดหน้า ถอดกางเกงบังคับข่มขืนสำเร็จความใคร่

...

นางน้อยเล่าอีกว่า หลังเกิดเหตุเข้าแจ้งความสภ.บัวใหญ่ ตำรวจส่งตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลและพามาสอบปากคำ แต่ไม่มีอะไรคืบหน้า เจ้าหน้าที่ยังตามจับคนร้ายไม่ได้ หนำซ้ำอีกหลายเดือนต่อมา คนร้ายยังเหิมเกริมอาละวาดก่อเหตุลักษณะเดียวกันอีก ล่าสุดช่วงกลางเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา นางสาญาติลูกพี่ลูกน้องที่อยู่บ้านติดกันก็ตกเป็นเหยื่อ พอรู้ข่าวรีบไปปรึกษาพี่และชวนมาร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือมูลนิธิปวีณาฯ เนื่องจากเชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนเดียวกัน แต่ตำรวจยังจับมาดำเนินคดีไม่ได้ คาดว่าอาจเป็นพวกติดยาสารระเหย ทุกวันนี้เครียดมาก นอนไม่ค่อยหลับ ต้องหาหมอกินยาคลายเครียด ลูกหลานต้องพาไปรดน้ำมนต์ อยู่คนเดียวไม่ได้ หวาดกลัวไปหมด

ด้านนางสาเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองว่า วันเกิดเหตุวันที่ 14 ธ.ค. เวลาประมาณ 11.00 น. ระหว่างเก็บเกี่ยวข้าวในนา ห่างจากนานางน้อยประมาณ 1 กม. มีคนร้ายเป็นชายปรี่เข้ามาทางด้านหลัง บีบคอข่มขู่ไม่ให้หันมอง จากนั้นใช้หมวกผ้าที่ยายสวมกันแดดปิดคลุมหน้า คนร้ายถามว่ามีเงินหรือไม่ ตอนนั้นมีติดตัวอยู่ 420 บาทถูกคนร้ายล้วงชิงเอาไปหมดเลย พยายามตั้งสติขู่ว่าจะแจ้งตำรวจ คนร้ายไม่สนใจบอกไม่กลัว ตำรวจทำอะไรไม่ได้ ก่อนจับถอดเสื้อผ้าจับมัดแขนสองข้างไพล่หลังบังคับข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ หลังคนร้ายหนีไปแล้ว พยายามแก้มัดจนหลุดไปขอความช่วยเหลือเพื่อนบ้านและแจ้งตำรวจ อย่างไรก็ตาม ตอนเกิดเหตุจำหน้าคนร้ายไม่ได้เพราะสวมหมวกไอ้โม่งปิดบังอำพราง มองไม่รู้เป็นใคร

“ตอนรู้ข่าวยายน้อยถูกโจรข่มขืนรู้สึกสงสารมาก เพราะแก่แล้ว ไม่คิดว่าเรื่องเลวร้ายแบบนี้จะมาเกิดกับตัวเองที่อายุปูนนี้แล้ว อยากให้ตำรวจเร่งติดตามจับกุมคนร้ายให้ได้เร็วๆ เพราะก่อนจะเกิดเหตุกับยายทราบข่าวมาว่ามีคนแก่ในหมู่บ้านอีก 1-2 คนโดนคนร้ายจี้ชิงเงินและข่มขืนด้วย แต่อับอายและกลัว ไม่กล้าแจ้งความ ตอนนี้ทั้งสาวแก่ สาวรุ่น และเด็กหญิงในหมู่บ้านต่างหวาดผวากันไปหมด ไม่กล้าออกไปนา หรือไปไหนมาไหนคนเดียว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ตำรวจจะจับคนร้ายได้เสียที” นางสากล่าว

หลังรับเรื่องนางปวีณาโทรศัพท์ประสาน พล.ต.ต.ณรงค์ฤทธิ์ ด่านสุวรรณ ผบก.ภ.จ.นครราชสีมา ให้ช่วยสั่งการติดตามคดี จากนั้นเปิดเผยว่า คดีนี้ถือเป็นเรื่องร้ายแรงในสังคม ตำรวจต้องเร่งจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีโดยเร็ว คาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นคนในพื้นที่ เพราะสวมหมวกไอ้โม่งปิดบังใบหน้า กลัวคนจะจำได้ อีกทั้งผู้ก่อเหตุรู้เส้นทางพื้นที่เป็นอย่างดี หลังจากนี้จะพาผู้เสียหายทั้งสองคนไปติดตามคดีกับ ผบก.ภ.จ.นครราชสีมา ด้วยตัวเอง เพื่อให้เร่งรัดติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่