ปทุมธานี เคลียร์แล้ว หนุ่มไรเดอร์ทำร้ายร่างกายหญิงสาวผู้เสียหาย หลังมีปากเสียงกันเรื่องปักหมุดไม่ตรงจุด ยอมจ่ายค่าทำขวัญ 20,000 บาท ตำรวจ สภ.คูคต เปรียบเทียบปรับ 1,000 บาท พร้อมยกมือขอโทษต่อสังคม วอนสังคมให้โอกาสทำงานต่อ

จากกรณีที่ น.ส.ณัฏฐ์ชชา หรือพลอย อายุ 35 ปี ผู้เสียหาย ได้ยืนรอรับเอกสาร (กรมธรรม์รถยนต์) จากแอปพลิเคชันของบริษัทขนส่งเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งต่อมามีนายอภิเดชฯ (ไรเดอร์) ขับขี่รถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน (ป้ายเหลือง) 1กญ-7133 กรุงเทพมหานคร ได้แจ้งว่าหาจุดส่งของไม่เจอ และเมื่อมาเจอกัน กลับต่อว่ามีปากเสียงกับนางสาวณัฏฐ์ชชา หรือพลอย ผู้เสียหาย เรื่องปักหมุดไม่ตรงจุด จากนั้นเอกสารกรมธรรม์ได้หล่น นางสาวณัฏฐ์ชชา จึงได้ก้มลงเก็บ ก่อนที่ไรเดอร์ส่งเอกสารคนดังกล่าวจะใช้เท้าเตะเข้าที่บริเวณต้นขาด้านขวา จนได้รับบาดเจ็บ พร้อมกับพูดท้าทายว่า “ไม่กลัวหรอกตำรวจ น้องชายเป็นตำรวจเหมือนกัน” เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2567 เวลาประมาณ 18.30 น.ที่ผ่านมา หลังจากนั้นผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ไว้ที่ สภ.คูคต ภ.จว.ปทุมธานี

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 ที่ สภ.คูคต ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางนายอภิเดช บุญสงค์ ไรเดอร์คนดังกล่าว อายุ 41 ปี ชาวจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมนางสาวณัฏฐ์ชชา หรือพลอย อายุ 35 ปี ผู้เสียหาย ได้เดินทางมาที่โรงพัก เพื่อมาพบกับ พ.ต.ต. วิมล สมบูรณ์ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.คูคต หลังจากทางพนักงานสอบสวนได้เรียกและเชิญคู่กรณีทั้งสองฝ่าย เพื่อมาทำการสอบสวน และสามารถตกลงกันได้

โดยทางนายอภิเดช บุญสงค์ ชาวจังหวัดอุบลราชธานี ไรเดอร์คนดังกล่าว ได้ยอมจ่ายค่าทำขวัญให้จำนวน 20,000 บาท และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 1,000 บาท โดยคู่กรณีทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ จากนั้นไรเดอร์ได้ยกมือขอโทษต่อสังคม วอนสังคมให้โอกาสทำงานต่อ

...

นายอภิเดช กล่าวว่า ตนเองโมโหจริง หลังจากปักหมุดไม่ถูกที่ และขับวนหาบ้านของลูกค้า ในขณะที่ตนเองกำลังจะถ่ายเอกสารส่ง และถูกผู้เสียหายปัด และโทรศัพท์ได้หล่นลงพื้น จึงเกิดโมโหและเตะไป 1 ครั้ง และไม่คิดว่าน้องเขาจะได้รับบาดเจ็บ ตนเองพร้อมขอโทษผู้เสียหายและสังคมด้วย

ทางด้าน พ.ต.ต.วิมล สมบูรณ์ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.คูคต เผยว่าหลังจากตำรวจได้เรียกและเชิญคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาทำการสอบสวน และสามารถตกลงกันได้ โดยทางนายอภิเดช ได้ยอมจ่ายค่าทำขวัญให้จำนวน 20,000 บาท และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 1,000 บาท ก่อนที่คู่กรณีทั้งสองฝ่ายต่างแยกย้ายกันกลับไป.