แถลงรวบแล้ว "ตี่ลี่ฮวงจุ้ย" พบหลบหนีไปบริเวณชายแดน ก่อนเดินทางกลับมาที่บ้านพักย่านลำลูกกา ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ขณะที่ทรัพย์สินที่หลอกผู้เสียหายไป แทบไม่เหลือแล้ว
เมื่อเวลา 11.15 น. วันที่ 11 พ.ย. 67 พลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พลตำรวจตรีสุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พลตำรวจตรีมนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม และ พันตำรวจเอกมนูญ แก้วก่ำ ผู้กำกับ 1 กองบังคับการปราบปราม ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมหมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง “ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” หลังหลอกลวงให้ประชาชนซื้อวัตถุมงคลราคาแพงจนมีผู้เสียหายหลายราย มูลค่าความเสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท
พลตำรวจโทจิรภพ กล่าวว่า คดีนี้ได้รับสั่งหมายจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ดำเนินการ หลังจากมีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความ จึงได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมานำโดยกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวน ได้สอบปากคำผู้เสียหายที่มาแจ้งความรวมทั้งหมด 66 ราย มูลค่าความเสียหาย 108 ล้านบาท
ต่อมา ศาลอาญาได้อนุมัติออกหมายจับ นายธนวันต์ อายุ 43 ปี ผู้ต้องหา เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 67 ในข้อหาฉ้อโกง และฟอกเงิน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เฝ้าติดตามแต่พบว่า ผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลบหนีไปถึงชายแดน ไม่ได้อยู่ที่ที่พักอาศัย จนกระทั่งเมื่อช่วง 04.30 น. ที่ผ่านมา พบว่าผู้ต้องหาเดินทางกลับมาที่ที่พักอาศัยย่านลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานบริษัท ตี่ลี่ ฮวงจุ้ย จำกัด จึงเข้าจับกุมและนำตัวมาสอบปากคำ ที่กองบังคับการปราบปราม
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา รวมถึงปฏิเสธว่าไม่ได้หลบหนีด้วย รายละเอียดอยู่ระหว่างการสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งการปฏิเสธเป็นสิทธิของผู้ต้องหา แต่ยืนยันว่าตำรวจมีพยานหลักฐาน โดยการตรวจสอบเรื่องการหลบหนีนั้น ถ้าพบว่ามีการออกนอกประเทศจริงก็ต้องดำเนินคดีเพิ่มเติม ฐานเข้าออกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
...
ส่วนเหตุผลที่ผู้ต้องหาเดินทางกลับมาที่ที่พักอาศัยนั้น เจ้าตัวก็ยังไม่ได้บอกชัดเจน ทั้งนี้ ตำรวจเชื่อว่าผู้ต้องหาตั้งใจจะต่อสู้คดี จึงกลับมาตั้งหลัก และยืนยันว่า ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาไม่ได้มีการประสานเพื่อขอพบเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด
สำหรับทรัพย์สินที่หลอกลวงจากผู้เสียหายไปนั้น ตอนนี้พบว่าแทบจะไม่เหลืออยู่แล้ว ซึ่งมีข้อมูลว่าผู้ต้องหานำไปใช้เล่นการพนัน ตำรวจอยู่ระหว่างขยายผลเรื่องนี้เพิ่มเติม เบื้องต้นพบว่าบริษัทฮวงจุ้ยดังกล่าวผู้ต้องหาทำคนเดียว แต่มีทีมงาน ซึ่งก็ได้สอบปากคำให้ข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ต่อคดีไว้แล้ว ส่วนเรื่องการหลบหนี พบว่ามีผู้ที่พาไป ตอนนี้อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน หากพบความผิดก็ต้องดำเนินคดีทั้งหมด
สำหรับรถยนต์หรูลัมโบร์กินี ที่มีการตรวจยึดมาก่อนหน้านี้ จากการตรวจสอบพบว่าเป็นรถที่ผู้ต้องหาไปเช่ามา โดยจ่ายค่าเช่า เดือนละ 1 ล้านบาท ส่วนทรัพย์สินอื่นๆ อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม
พลตำรวจโทจิรภพ ยืนยันว่า กรณีนี้แม้จะเป็นเรื่องของความเชื่อ แต่ในส่วนของพฤติการณ์ที่เข้าข่ายฉ้อโกง คือการหลอกอ้างสรรพคุณของสิ่งของต่างๆ ที่นำมาขายกับผู้เสียหาย และสุดท้ายเมื่อได้เงินไปแล้ว ก็ไม่ได้นำของมาให้จริง ซึ่งก็มีผู้เสียหายหลายราย และทุกคนมีหลักฐานการโอนเงินชัดเจน