ศาลพิพากษายกฟ้อง "หนูรัตน์" คอนเทนต์ครีเอเตอร์ฯ กรณีร่วมคลิปแคมเปญโฆษณา 5.5 ยังไม่เข้าองค์ประกอบความผิด

วันที่ 30 ต.ค. 2567 ที่ศาลอาญา ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดี ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้อง นายกิตติคุณ ธรรมกิติราษฎร์ หรือมัมดิว (หลบหนี) น.ส.สุภัคชญา ชาวคูเวียง หรือ "หนูรัตน์" คอนเทนต์ครีเอเตอร์ฯ โดย น.ส.ฐิตานันท์ และ นายวริศชา กรรมการผู้มีอำนาจ และบริษัทขายสินค้าออนไลน์ โดยนางสุชาดา กรรมการผู้มีอำนาจ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐาน ร่วมกันดูหมิ่นเบื้องสูง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ

กรณีเมื่อเดือน ระหว่างวันที่ 3-5 พ.ค. 2565 พวกจำเลยได้ทำแคมเปญโฆษณา 5.5 ร่วมกับ นายอนิวัติ ประทุมถิ่น หรือ "นารา เครป กะเทย" เน็ตไอดอลชื่อดัง โดยจำเลยที่ 1-2 แต่งกายเลียนแบบบุคคลเบื้องสูง จากนั้นเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2565 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปอท. ว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมเข้าข่ายพาดพิงสถาบันเบื้องสูง จากการโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มดังกล่าว ซึ่งพวกจำเลยให้การปฏิเสธ

วันนี้จำเลยที่ 2-4 และทนายความ เดินทางมาศาล และจำเลยที่ 2 ขอใช้สิทธิไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเผยแพร่ภาพ

โดยวันนี้ศาลพิเคราะห์แล้วว่ามีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2-4 กระทำความผิดฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และมีความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงฯตามประมวลกฎหมายอาญาและพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง(3) หรือไม่

เห็นว่า จะต้องพิจารณาก่อนว่าสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เป็นองค์รัชทายาทหรือไม่ ซึ่งคำว่ารัชทายาท ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 หมายถึง ผู้จะสืบราชสมบัติและตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 20 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า การสืบราชสมบัติให้เป็นไปตามกฎมณเฑียรบาล

...

จะเห็นได้ว่าตามความหมายนั้นการเป็นองค์รัชทายาทคือการที่ต้องถูกแต่งตั้งเป็นผู้สืบสันติวงศ์ราชบัลลังก์ต่อไป แต่จากทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏว่ามีการแต่งตั้งหรือประกาศให้สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ เป็นรัชทายาท ดังนั้นจึงมิใช่เป็นบุคคล ซึ่งเป็นรัชทายาทในความหมายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นอกจากนี้ส่วนที่โจทก์อ้างว่า จำเลยที่ 2-4 ร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์

เห็นว่าคำว่าพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หมายถึงตัวบุคคล ดังนั้นการกระทำจำเลยที่ 2-4 จึงขาดองค์ประกอบความผิด จำเลยที่ 2-4 จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (3) คือนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง แห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา

ปัญหาข้อวินิจฉัยต่อมา คือการทำสื่อโฆษณาของจำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือไม่ เห็นว่าเมื่อดูจากความหมายของการหมิ่นประมาท คือ การดูหมิ่นทำให้ผู้อื่นถูกเหยียดหยามเกลียดชัง แต่จากข้อเท็จจริงจะเห็นได้ว่าแม้มีการแต่งกายคล้ายชุดที่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เคยสวมใส่ และนั่งบนรถเข็น และมีการแนะนำสินค้าเซรั่มให้ทดลองใช้และพูดคุยด้วยคำสุภาพ ไม่มีลักษณะการกระทำที่ดูถูก ดูหมิ่นหรือทำให้เกลียดชัง จึงไม่เข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาท การกระทำของจำเลยที่ 2 ไม่ครบองค์ประกอบความผิด

ปัญหาวินิจฉัยต่อมา คือ จำเลยที่ 3-4 ได้โฆษณาไม่เป็นธรรมส่งผลเสียต่อส่วนรวมหรือไม่ เห็นว่าการทำคลิปเป็นคนพิการ คือการแสดงบทบาทสมมติและเป็นการทำเพื่อเป็นการขายสินค้า ไม่ได้ดูถูกเหยียดหยามคนพิการ แม้จะมีการใช้ถ้อยคำไม่สุภาพไม่เหมาะสม แต่ไม่ถึงกับทำให้บุคคลในสังคมแตกแยกแตกสามัคคีกัน อีกทั้งเป็นการพูดคุยเพื่อเชิญชวนให้ซื้อสินค้าในช่วงกิจกรรมลดราคา และเงื่อนไขของบริษัท ดังนั้นจึงไม่มีความผิดฐานโฆษณาไม่เป็นธรรม

พิพากษา ยกฟ้อง จำเลยที่ 2-4

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้พนักงานอัยการคดีอาญา 3 ได้แยกฟ้อง นายอนิวัติ ประทุมถิ่น หรือ "นารา เครป กะเทย" เน็ตไอดอลชื่อดัง เป็นจำเลยความผิดฐานเดียวกัน คดีหมายเลขดำ อ.2244/2565 กระทั่งวันที่ 21 ธ.ค. 2566 ศาลอาญาพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า นายอนิวัติ ไม่เป็นความผิดพิพากษายกฟ้องทุกข้อหา.

ภาพประกอบข่าว แฟนเพจ สุภัคชญา ชาวคูเวียง เฮเลน (หนูรัตน์)