“ดิ ไอคอน กรุ๊ป” ทำฉาวไปทั่วโลก ตัวแทนผู้เสียหายจาก 10 ชาติ ทั้งในเอเชีย ยุโรป และแคนาดา เข้าแจ้งความดำเนินคดี หลังสั่งซื้อสินค้าไปขายแล้วเบี้ยวไม่ส่งสินค้า ความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท สรุปยอดผู้เสียหายล่าสุดที่ บช.ก. 2,702 คน ความเสียหาย 933 ล้านบาท ส่วนตามศูนย์รับแจ้งความตำรวจภูธรจังหวัดและนครบาล ยอดผู้เสียหายรวม 1,881 คน มูลค่าความเสียหายอีก 424 ล้านบาท ชุดสืบสวนคลี่คลายคดีเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ใกล้ขอหมายจับผู้ต้องหาลอต 2 ตามเดดไลน์ 48 วันหลังฝากขังผู้ต้องหาลอตแรก ล่าตัวละครลับ “คนรถบอสพอล” มีข้อมูลเป็นคนถือโทรศัพท์มือถือของลูกพี่ที่มีหลักฐานสำคัญคลิปเสียงการรีดทรัพย์ของบรรดา “เทวดา” ทั้งหลายแหล่ ลูกเหยื่อชาว จ.เชียงราย เข้าแจ้งความพร้อมหลักฐานแน่น หลังพ่อหลงลมปากบอสพอลขายบ้าน ขายรถ ชวนญาติพี่น้องลงทุนกับดิ ไอคอน สุดท้ายพากันหมดตัวถึงกับผูกคอตาย ด้านท่าน ว.วชิรเมธี งานเข้า อธิบดีกรมป่าไม้สั่งตรวจสอบการใช้พื้นที่ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน หลังพบว่าขออนุญาตก่อสร้าง 113 ไร่และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติขอใช้อีก 30 ไร่ รวม 143 ไร่ เกินไป 47 ไร่ มีโทษทั้งจำทั้งปรับ

กรณีผู้เสียหายแห่แจ้งความร้องทุกข์ตำรวจ บช.ก.ดำเนินคดีผู้บริหารบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด (THE iCON GROUP Co., Ltd.) ดำเนินธุรกิจขายตรงเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ กล่าวหาหลอกให้ลงทุนและหาลูกข่ายมาเป็นสมาชิก โดยไม่ได้ขายสินค้าจริง สร้างความน่าเชื่อถือด้วยการนำดารานักแสดงชื่อดังมาร่วมโปรโมต หลังคณะพนักงานสอบสวนเดินเครื่องสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหา 18 คน ตั้งแต่นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล เจ้าของบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด นายยุรนันท์ หรือบอสแซม ภมรมนตรี และ น.ส.พีชญา หรือบอสมิน วัฒนามนตรี และนายกันต์ หรือบอสกันต์ กันตถาวร รวมถึงลูกข่ายและผู้เกี่ยวข้องส่งฝากขังศาลเข้าเรือนจำไปหมดแล้ว เบื้องต้นแจ้งข้อหาฉ้อโกงประชาชน และหลอกลวงหรือทุจริต โดยการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ อยู่ระหว่างสอบสวนขยายผลเพื่อหาผู้เกี่ยวข้อง และแจ้งข้อหาอื่นเพิ่มเติมตามที่เสนอข่าวไปแล้ว

...

ตัวแทนกว่า 10 ชาติแจ้งความ

ความคืบหน้าจากกองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 19 ต.ค. นายอิทธิเดช ธเนศวัฒนะ ตัวแทนผู้เสียหายชาวต่างชาติ นำเอกสารใบเสร็จเงินสดการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ในเครือบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด รวมถึงรูปภาพ ร้านค้า นำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไปจำหน่ายในต่างประเทศ และรูปภาพผู้เสียหายถ่ายคู่กับนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล มามอบให้ พ.ต.ท.ปริญญา ปาละรอง ผกก. (สอบสวน) กก. 1 บก.ปคบ. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มผู้บริหารบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด

เอเชีย-ยุโรปเสียหาย 20 ล้าน

นายอิทธิเดช ธเนศวัฒนะ เผยว่า วันนี้ตัวเองเดินทางมาในฐานะตัวแทนผู้เสียหายคนไทยและชาวต่างชาติ ประกอบด้วย จีน ฮ่องกง มาเก๊า อิตาลี เยอรมนี แคนาดา เอสโตเนีย และลักเซมเบิร์ก รวมผู้เสียหายกว่า 40 คน แบ่งเป็นเอเชีย 20 คน และยุโรป 20 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 20ล้านบาทมาแจ้งความ กลุ่มผู้เสียหายส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการเป็นแม่ข่าย แต่ต้องการนำสินค้าไปขายจริงๆ รูปแบบความเสียหายคือการโอนเงินเพื่อชำระค่าสินค้าสำหรับนำไปจำหน่าย แต่กลับไม่ได้สินค้า และได้รับแจ้งจากผู้ค้าในประเทศไทยว่า ให้รอสินค้าก่อนแต่ยังไม่ได้รับ กลุ่มผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นกลุ่มแม่ค้าที่นิยมนำสินค้าไทยไปขายต่างประเทศ บังเอิญเห็นโฆษณาผ่านเฟซบุ๊ก ประกอบกับเห็นว่ามีบอสดาราอยู่ในบริษัท ทำให้เกิดความต้องการนำสินค้าไปขายในต่างประเทศ ที่ผ่านมาพบกลุ่มผู้เสียหายบางคนเคยพบกับบอสพอลและบอสดาราที่ต่างประเทศทำให้เกิดความเชื่อมั่น

รายใหญ่สุดโดนเป็นล้าน

“หนึ่งในผู้เสียหายเป็นคนไทยในฮ่องกง ลงทุนสั่งสินค้าเป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท สั่งซื้อผงโกโก้ กาแฟ ครีม และคอลลาเจน หลังสั่งสินค้าแล้วได้รับสินค้าจริง ปริมาณที่ไม่ตรงกับยอดสั่งซื้อ เมื่อติดต่อไปหาแม่ข่ายที่แนะนำ กลับถูกปฏิเสธความรับผิดชอบ นอกเหนือจากคนไทยที่อยู่ในฮ่องกงแล้ว ยังพบว่ามีผู้เสียหายชาวจีนรวมถึงชาวต่างชาติอีกหลายคน ส่วนใหญ่มีความกังวลเกี่ยวกับการติดตามดำเนินคดี เนื่องจากติดปัญหาเรื่องภาษาและค่าเดินทาง ส่วนนี้อาจมีการมอบอำนาจให้ญาติหรือคนรู้จักในประเทศไทยเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. การเข้าแจ้งความดังกล่าวกลุ่มผู้เสียหายหวังว่าจะได้รับเงินคืน” นายอิทธิเดชกล่าว ด้าน พ.ต.ท. ปริญญา ปาละ รอง ผกก. (สอบสวน) กก. 1 บก.ปคบ. เผยว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีนอกราชอาณาจักร หลังจากรับเอกสารแล้วจะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย ยืนยันว่าการแจ้งความสามารถดำเนินการแจ้งความได้ไม่มีกำหนด

เดินเครื่องออกหมายจับลอต 2

เวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวต่อข้อสอบถามความคืบหน้าคดีกับ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. หัวหน้าชุดคณะทำงานคดีดิ ไอคอน กรุ๊ป ทางโทรศัพท์เปิดเผยว่า สำหรับหมายจับผู้ต้องหาคดีดิ ไอคอนฯ ชุดสองนั้นมีแน่ แต่คงต้องใช้เวลาสักระยะ ขณะนี้ชุดสืบสวนสอบสวนกำลังทำงานอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อนำมาประกอบกัน

ยังไม่พบคลิปเสียงรีดทรัพย์

มีรายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการตรวจสอบคลิปเสียงลับที่ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ “บอสพอล ดิ ไอคอน กรุ๊ป” อ้างว่า เคยบันทึกเก็บไว้จำนวนหลายคลิป เป็นคลิปเสียงการสนทนากับเหล่าบรรดานักร้องเรียนและนักการเมืองชื่อดังต่างๆในทำนองข่มขู่รีดไถเงินนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวยังอยู่ระหว่างตรวจสอบว่ามีอยู่จริงหรือไม่ เบื้องต้นในวันที่จับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจยึดโทรศัพท์มือถือของนายวรัตน์พลไว้ได้ 1 เครื่อง และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จำพวกฮาร์ดดิสก์บันทึกข้อมูลอีกจำนวนหนึ่ง ส่งไปให้ตำรวจ บก.ปอท.ตรวจวิเคราะห์ แต่เบื้องต้นข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของบอสพอลยังไม่พบคลิปเสียงตามที่กล่าวอ้าง

เร่งหาตัวคนขับรถคนสนิท

อย่างไรก็ตาม จากแนวทางสืบสวนทราบว่า นายวรัตน์พลนั้นยังมีโทรศัพท์มือถืออีก 1 เครื่อง ปัจจุบันฝากให้คนขับรถคนสนิทชื่อนายเอก ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง เก็บรักษาไว้ ชุดสืบสวนคลี่คลายคดีเชื่อว่า ในโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวจะมีข้อมูลสำคัญต่างๆ โดยเฉพาะคลิปเสียงสนทนารีดทรัพย์ตามที่กล่าวอ้าง ขณะนี้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามตัวคนขับรถดังกล่าวมาสอบสวน เพื่อเร่งพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงประเด็นดังกล่าว

ส่งมือถือและคอมฯให้ ปอท.แกะ

มีรายงานด้วยว่า นอกจากนี้ในวันที่จับกุมกลุ่มผู้ต้องหาเครือข่ายดิ ไอคอน กรุ๊ป ทั้ง 18 คน ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อีกหลายรายการไว้เป็นของกลาง โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ถูกส่งต่อไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอท. ตรวจวิเคราะห์หาข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆแล้วจำนวน 4 เครื่อง ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการ

...

เจอรถตู้วันเกิดบอส “กันต์” แล้ว

ส่วนกรณีรถตู้หรูเมอร์เซเดสเบนซ์ สปรินเตอร์ สีแดง ที่นายวรัตน์พล หรือบอสพอล มอบให้นายกันต์ กันตถาวร หรือบอสกันต์ พิธีกรชื่อดัง เป็นของขวัญวันเกิดที่อยู่ระหว่างการตามหานั้น จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีล่าสุดพบว่า เป็นรถคันเดียวกับรถตู้เมอร์เซเดสเบนซ์ สปรินเตอร์ สีดำ ที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดไว้ได้ก่อนหน้านี้ ส่วนสาเหตุที่สีรถเปลี่ยนไป เนื่องจากเดิมทีรถคันดังกล่าวเป็นรถสีดำ แต่ก่อนที่ “บอสพอล” จะนำรถไปให้บอสกันต์ ไปแรพเปลี่ยนสีรถให้เป็นสีแดงตามที่บอสกันต์ชอบ จากนั้นนำไปมอบให้เป็นของขวัญวันเกิด แต่หลังจากบอสกันต์ได้รถมานำรถไปลอกสติกเกอร์สีแดงออก เพื่อให้รถกลับมาเป็นสีดำตามเดิม

ยอดแจ้งความทั่วประเทศพุ่ง

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เผยแพร่ข้อความประชาสัมพันธ์สรุปความคืบหน้ายอดผู้เสียหายและยอดเงิน คดีหลอกลงทุนบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป ว่า เมื่อวันที่ 18 ต.ค. มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความพนักงานสอบสวนจำนวน 345 คน มูลค่า ความเสียหาย 99.7 ล้านบาท ยอดรวมสะสมตั้งแต่วันที่ 1-19 ต.ค.2567 มีผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว 2,702 คน มูลค่าความเสียหายเฉพาะที่สอบปากคำแล้วรวม 933 ล้านบาท ขณะเดียวกันศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) สรุปข้อมูลการรับแจ้งความร้องทุกข์คดีดังกล่าวของศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ตำรวจภูธรจังหวัดและตำรวจ นครบาลวันที่ 18 ต.ค.ยอดผู้เสียหายรวม 1,881 คน มูลค่าความเสียหาย 424 ล้านบาท

เร่งหาพยานหลักฐานแชร์ลูกโซ่

ส่วนความคืบหน้าคดีหลอกลงทุน แม้สามารถจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 18 คนได้แล้ว แต่ชุดคลี่คลายคดีกำลังเร่งสอบปากคำพยานบุคคลอื่นๆ รวมถึงสืบหาพยานหลักฐานต่างๆ โดยเฉพาะหลักฐานเอกสารทางการเงินมาเพิ่มเติม เพื่อนำมาประกอบสำนวนให้แน่นหนามากขึ้น แม้ว่าพยานหลักฐานที่มีอยู่ตอนนี้ รวมไปถึงคำให้การของฝั่งผู้เสียหายจะค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า การดำเนินธุรกิจของบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป ไม่ได้มุ่งเน้นขายผลิตภัณฑ์หรือสินค้า แต่เป็นการมุ่งเน้นหาสมาชิกเข้ามาเป็นลูกข่ายเพิ่มเติม

...

เส้นเงินเอี่ยวคนนับแสน

ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ จากกรณีบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ปว่า จะรายงานความคืบหน้ามาสัปดาห์หน้า ส่วนเงินดิจิทัลของบริษัทดิ ไอคอนฯ 8,000 ล้านบาท ที่โอนไปยังต่างประเทศนั้น มอบหมายให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบอยู่ ปปง.ระบุว่ามีเส้นทางการเงินเป็นจำนวนมาก และมีบุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมากหลักแสนคน เรื่องนี้ต้องใช้เวลา ยืนยันว่ากฎหมายไปถึงอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นคดีที่ผู้เสียหายมาร้องทุกข์กล่าวโทษ คาดว่าใช้เวลาแกะเส้นทางการเงินไม่นาน เนื่องจากทำงานร่วมกับตำรวจสอบสวนกลางมาตลอด ส่วนคณะกรรมการที่รัฐบาลตั้งให้เวลาตรวจสอบข้อเท็จจริง 30 วัน ต้องทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย จะรายงานความคืบหน้าทุกระยะ แล้วจะชี้แจงให้ประชาชนรับทราบ

ลั่นสาวถึงใครต้องรับผิดชอบ

“ส่วนข้าราชการ สคบ.และพนักงานที่เกี่ยวข้องการจดทะเบียนบริษัท ดิ ไอคอนฯ ขอให้มีความชัดเจนว่า เป็นใคร อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานในส่วน สคบ.ส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงคณะกรรมาธิการที่ปรากฏตามข่าว นักการเมืองที่อาจเชื่อมโยงกับคดีดังกล่าวเพิ่มเติมยังไม่สามารถระบุได้ ขอให้ได้ข้อมูลเพียงพอก่อน เบื้องต้นจะแกะเส้นทางการเงินและทำสายโยงไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด สำหรับรายชื่อเจ้าหน้าที่ สคบ.ที่ปรากฏต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ก่อนหรือไม่ เป็นเรื่องที่ น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฐานะกำกับดูแล สคบ.ต้องดู คงไม่ปล่อยให้เกิดความเสียหาย” ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีความกังวลของประชาชนว่าอาจสืบไม่ถึงเทวดาหรือบอสรายใหญ่ นายประเสริฐกล่าวว่า ไม่ต้องกลัว รัฐบาลให้ความมั่นใจ สาวไปถึงใคร ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ข้าราชการ เอกชน และดารา ถึงใครคนนั้นต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าฝ่ายไหน จะขยายไปถึงแม่ข่ายด้วย

...

“บอสมิน” ปรับตัวได้ดีขึ้น

นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผอ.กองทัณฑวิทยา รรท.ผอ.ทัณฑสถานหญิงกลาง ฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงอาการนอนเรือนจำฯ คืนที่ 2 ของ น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือบอสมิน ดาราสาวว่า กรณีปรากฏข่าว น.ส.พีชญา มีอาการป่วยโรคกระเพาะ ปัจจุบันรับประทานยารักษาอาการดีขึ้น ส่วนการรับประทานอาหารช่วงเย็นวันที่ 18 ต.ค. เป็นเมนูข้าวสวย ไข่ต้ม และแกงเลียง ขณะที่มื้อเช้าวันที่ 2 เป็นข้าวสวย แกงจืดวุ้นเส้นผักกาดขาว มีการปรับตัวได้ดีขึ้น นอนหลับตอนกลางคืนได้มากขึ้น ระหว่างวันพูดคุยกับบอสหญิงรายอื่นบ้างเป็นครั้งคราว ส่วนเรื่องความเครียดความวิตกกังวลหรืออาการซึมเศร้า ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณผิดปกติจนต้องเฝ้าระวัง ในกรณีร้องขอหนังสือธรรมะหรือหนังสือใดๆอ่านคลายเครียด ผู้ต้องขังหญิงทั้งหมดยังไม่มีการร้องขอต่อเจ้าหน้าที่ มีเพียงการสอบถามเรื่องฝากซื้อของใช้เข้ามาในแดน และสอบถามเรื่องช่องทางการเยี่ยมญาติเท่านั้น ส่วนบอสหญิงรายอื่นที่เข้ามาพร้อมกัน ยังไม่มีรายใดมีอาการเครียดหรือซึมเศร้าจนผิดปกติ ส่วนบอสหญิง 1 คน ที่เป็นโรคความดันโลหิต ล่าสุดผลตรวจปกติ

มีโอกาสได้เจอ “แม่ตั๊ก” ในคุก

หากบรรดาบอสหญิงทั้งหมดครบกักโรคโควิด-19 เรียบร้อยแล้ว เป็นไปได้หรือไม่ที่จะได้เจอกับ น.ส.กรกนก หรือแม่ตั๊ก สุวรรณบุตร ในแดนควบคุม นางกนกวรรณยืนยันว่า มีโอกาสเจอกัน เนื่องจาก น.ส.กรกนก หรือแม่ตั๊ก ก่อนหน้านี้เจ้าตัวถูกควบคุมตัวเข้าทัณฑสถานหญิงกลางเมื่อวันที่ 1 ต.ค. กระทั่งมีอาการเครียดลงกระเพาะ แพทย์ประจำเรือนจำตรวจร่างกายและมีความเห็นส่งตัวแม่ตั๊กเข้ารักษายังทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค. กระทั่งวันที่ 18 ต.ค.อาการดีขึ้น แพทย์ส่งหนังสือให้ไปรับกลับแดนควบคุมระหว่างพิจารณาคดี ทำให้มีสิทธิที่บอสหญิงทั้งหมดจะได้เจอกับแม่ตั๊กในแดน ขณะที่นายกานต์พล หรือป๋าเบียร์ เรืองอร่าม ปัจจุบันถูกคุมขังภายในแดน 2 เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จะมีโอกาสเจอกับบอสชายเมื่อครบกักโรคโควิด-19 หรือไม่ ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะต้องรอทางเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พิจารณาภายหลังว่าเหล่า บอสชายจะได้เข้าไปจำแนกแยกแดนใด

เพื่อนให้ “บอสพอล” ร่วมกักตัว

ด้านนายปราโมทย์ ทองศรี ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านทัณฑวิทยา รรท.ผู้บังคับบัญชาการเรือนจำกรุงเทพฯ กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าเข้าไปตรวจในเรือนจำในส่วนของผู้ต้องขังใหม่ที่ส่งตัวมาเมื่อวันที่ 18 ต.ค. และพูดคุยกับนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล เรื่องของสิทธิ์ นอกจากนี้ยังสอบถามถึงบอสคนอื่นๆ ที่เข้ามาก่อนว่า ยินยอมให้บอสพอลเข้ามากักโรคด้วยหรือไม่ ทั้ง 10 บอส ก่อนหน้านี้อนุญาตให้บอสพอลเข้ามากักตัวด้วยและยินดีกักตัวเพิ่มเป็น 6 วัน เริ่มนับหนึ่งใหม่พร้อมกับบอสพอล เพื่อความอุ่นใจและความปลอดภัยของผู้ต้องขัง ญาติและเพื่อนสามารถเยี่ยมได้อีกทีในวันที่ 23 ต.ค. แต่ทนายความสามารถเยี่ยมได้ทันที ผ่านระบบคอนเฟอเรนซ์

เฝ้าระวังความปลอดภัย 24 ชม.

“บอสพอลที่ถูกคุมขังคนสุดท้าย ทานอาหารได้เล็กน้อย บอสพอลและบอสคนอื่นๆไม่ได้เรียกร้องอะไรเป็นพิเศษ ทุกคนมีอาการเครียดและกังวลเป็นปกติ มีนักจิตวิทยาและพยาบาลเทคนิคดูแลใกล้ชิด ผู้ต้องขังกลุ่มนี้อยู่ระหว่างต่อสู้คดี ยังไม่มีคำพิพากษาจากศาลถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ สามารถพูดคุยกันได้ในการต่อสู้คดี แต่ต้องห่วงความปลอดภัยเป็นอย่างมาก เพราะดาราหรือคนมีชื่อเสียงเข้ามาในเรือนจำเป็นปกติที่มีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบ ต้องเฝ้าระวังตลอดเวลามีกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชม. คอยสังเกตอาการและความปลอดภัย ตั้งแต่เมื่อเช้าจนถึงตอนนี้ยังไม่พบว่ามีทนายความของบอสคนไหนเข้าเยี่ยม เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด” นายปราโมทย์กล่าว

พศ.รอ ว.วชิรเมธี ชี้แจง

กรณีเพจเฟซบุ๊กพระเมธีวชิโรดม (ว.วชิรเมธี) พระนักเทศน์ชื่อดังออกเอกสารชี้แจงข้อเท็จจริงความเกี่ยวข้องกับบริษัทดิไอคอน แล้วพาดพิงบุคคล ที่ 3 อย่าง “หนุ่ม” กรรชัย กำเนิดพลอย แต่โพสต์ไม่นานมีลบไปนั้น นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า ขณะนี้ไม่มีใครชี้แจงถึงประเด็นต่างๆที่เกิดขึ้นได้ดีเท่าตัวท่าน ว.วชิรเมธีเอง พศ.มีหนังสือถึงเจ้าคณะจังหวัดเชียงรายแล้ว ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งกรณีเอกสารการชี้แจงที่พาดพิงบุคคลที่ 3 ว่า เป็นเอกสารจริงที่ท่าน ว.วชิรเมธี จัดทำขึ้นมาเองหรือไม่ รวมถึงกรณีปรากฏคลิปและภาพท่าน ว.วชิรเมธี รับกิจนิมนต์ไปเทศน์ที่บริษัทดิไอคอนจนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมะสมในเนื้อหาการเทศน์ ต้องรอท่าน ว.วชิรเมธี กลับมาชี้แจงต่อเจ้าคณะจังหวัดเชียงรายเท่านั้น เจ้าคณะจังหวัดเชียงรายมีหนังสือไปที่ไร่เชิญตะวันแล้ว ขณะนี้ยังไม่ทราบกำหนดการที่ท่าน ว.วชิรเมธีกลับประเทศไทย เนื่องจากช่วงเข้าพรรษาที่ผ่านมา ท่าน ว.วชิรเมธีไปจำพรรษาที่วัดที่ท่านสร้างขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น

จ่อเอาผิดไร่เชิญตะวันรุกป่า

นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยกรณีกระแสเรียกร้องให้ตรวจสอบการใช้พื้นที่ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวันของพระเมธีวชิโรดม หรือ ว.วชิรเมธีว่า วันที่ 21 ต.ค. ตนสั่งการให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ จ.เชียงราย เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง อย่างไร ก็ตามจากการตรวจสอบเบื้องต้น มูลนิธิวิมุตตยาลัยขออนุญาตก่อสร้าง 113 ไร่ และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติขอใช้อีก 30 ไร่ รวม 143 ไร่ แต่เมื่อใช้พื้นที่จริงปรากฏว่าใช้ไป 190 ไร่ ถือว่าใช้พื้นที่เกินจากการขออนุญาต เป็นการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 47 ไร่ หากเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าไปตรวจสอบรังวัดแล้วพบว่าใช้พื้นที่เกินอนุญาตจริง และพื้นที่ที่เกินมาอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ให้แจ้งความเอาผิดฐานบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ ม.54 ห้ามมิให้ผู้ใดยึดถือครอบครอง ทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ หรือกระทำการใดๆอันเป็นการทำให้ป่าเสื่อมโทรม มีโทษ จําคุก 1-20 ปี ปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท ถ้าได้กระทําเกินเนื้อที่เกินกว่า 25 ไร่ จําคุกตั้งแต่ 4 ปีถึง 20 ปี ปรับตั้งแต่ 200,000-2,000,000 บาท

ประธาน กมธ.ติงไม่เหมาะสม

ด้านนายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา อดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้ และอดีตหัวหน้าชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพรกล่าวว่า กรณีศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวันเป็นกรณีเดียวกับพระใหญ่บนเขานาคเกิดที่สร้างในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขานาคเกิด จ.ภูเก็ต และมีฝนตกดินโคลนถล่มจนมีผู้เสียชีวิต 13 คน อยู่ระหว่างขออนุญาตจากกรมป่าไม้ และก่อสร้างนอกเหนือพื้นที่ที่ขออนุญาตเช่นเดียวกัน แม้จะขออนุญาตก่อสร้างอย่างถูกต้องก็จริง แต่สำหรับวัดหรือสถานวิปัสสนาที่อยู่ในป่า ควรสร้างแบบสมถะ ไม่ใช่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายและมีเนื้อที่มากเกือบ 200 ไร่ แบบนี้ถือว่าไม่เหมาะสม เรื่องนี้ทางกรมป่าไม้ต้องออกมาตอบคำถามว่าหากอนุญาต อนุญาตได้อย่างไร

พ่อผูกคอตายเพราะดิไอคอน

ที่ สภ.บ้านดู่ จ.เชียงราย นายพงษ์พันธ์ ไชยพรหม อายุ 23 ปี เข้าแจ้งความร้องทุกข์คดี ดิ ไอคอน เผยว่า พ่อตนชื่อนายธนพงษ์ชัยวัฒน ไชยพรหม อายุก่อนเสียชีวิต 56 ปี บ้านเลขที่ 249 ม.8 ต.ทานตะวัน อ.พาน จ.เชียงราย นำเอาเงินเก็บไปลงทุนธุรกิจ ดิ ไอคอน มีภาพหลักฐานการร่วมกิจกรรมและภาพถ่ายคู่กับบอสพอลด้วย หลังจากพ่อเข้าไปลงทุนเมื่อปี 2560 ชักชวนแม่ อา รวมถึงญาติพี่น้องคนอื่นให้ร่วมลงทุน และลงทุนเพิ่มเรื่อยๆ จากที่เคยมีเงินเก็บมีบ้าน มีรถยนต์ 3 คัน กลายเป็นว่าทุกอย่างสูญไปกับการลงทุนของพ่อ ระยะหลังพ่อกับแม่ทะเลาะกันเพราะมีปัญหาการเงิน ตนและน้องสาวเลยไม่ได้เรียนต่อ สุดท้ายแม่ขอหย่า พ่อไปอาศัยอยู่ที่วัดใกล้บ้าน ก่อนที่สุดท้ายแขวนคอตายในวัดเมื่อเดือน เม.ย.63 หรือประมาณ 4 ปีกว่ามาแล้ว

หลักฐานรูปถ่ายกับ “บอสพอล”

“ตอนนั้นผมยังเด็กไม่รู้ว่าพ่อไปทำธุรกิจอะไรจนนำมาสู่ปัญหาชีวิต แม่ไม่เคยเล่าปัญหาให้ฟัง เพราะตอนนั้นแม่อยากให้พวกเราตั้งใจเรียน จนไม่นานมานี้มีการนำเสนอข่าวดิ ไอคอน เลยจำได้ว่าเคยเห็นภาพพ่อตอนไปร่วมกิจกรรม และมีภาพตอนพ่อถ่ายรูปร่วมกับบอสพอล เลยคิดว่าอาจเป็นชนวนเหตุให้พ่อคิดสั้น ประกอบกับหลังจากมีข่าวดิ ไอคอน อามาบอกว่า พ่อเคยชวนอาให้เอาเงินไปลงทุนกับดิ ไอคอน รวบรวมหลักฐานมาแจ้งความดำเนินคดีบริษัทดังกล่าว หลังจากนี้จะไปรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมมามอบให้ตำรวจอีกครั้ง ตั้งใจจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด” นายพงษ์พันธ์กล่าว

เสียหายเยอะสุดรายเดียว 3.5 ล้าน

พ.ต.อ.อานันท์จักร์ กนกนพวัชร์ ผกก.สภ.บ้านดู่ เผยว่า ที่ สภ.บ้านดู่ มีผู้เสียหายทยอยมาแจ้งความ 7 คดี แจ้งความผ่านระบบออนไลน์ 3 คดี รวมแล้ว 10 คดี มูลค่าความเสียหายประมาณ 4.2 ล้านบาท แต่ภาพรวมทั้งจังหวัดมีผู้เสียหายรวม 62 คน มูลค่าความเสียหายประมาณ 18 ล้านบาท ยอดเสียหายสูงสุดที่ สภ.บ้านดู่ รายเดียวสูญเงินลงทุนประมาณ 3.5 ล้านบาท ล่าสุดมาแจ้งความครอบครัวต้องหมดเนื้อหมดตัวเพราะพ่อขายบ้านขายรถนำเงินไปลงทุนกับดิ ไอคอนจนครอบครัวแตกแยก ลูกไม่ได้เรียนต่อ ส่วนพ่อสุดท้ายเครียดหนักแขวนคอตายในวัด ทุกคดีเราถือว่าเป็นผู้เสียหายเหมือนกันหมด เราให้ความสำคัญทุกคดีเท่าๆกัน จะพยายามช่วยเหลือผู้เสียหายทุกคนอย่างเต็มที่ ให้เขาได้เห็นว่ายังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนอยู่ข้างประชาชน

ตำรวจอุบลฯตั้งศูนย์รับแจ้ง

ที่ บก.ภ.จ.อุบลราชธานี สั่งการให้ทุก สภ.ตั้งศูนย์รับแจ้งความคดี ดิ ไอคอน กรุ๊ป สายวันนี้ น.ส.ดาวเรือง ราศรี อายุ 43 ปี พร้อมผู้เสียหายเข้าพบ พ.ต.อ.คนองฤทธิ์ ดาราช ผกก.สภ.เมืองอุบลราชธานี สอบถามขั้นตอนการแจ้งความร้องทุกข์ และให้ข้อมูล น.ส.ดาวเรืองเผยว่า ฐานะเคยเป็นสมาชิกใช้สินค้า อยากทราบข้อมูลว่าผู้เดือดร้อนสามารถมายื่นเอกสารร้องทุกข์ หรือแจ้งความต้องใช้อะไรบ้าง เจ้าหน้าที่มีมาตรการช่วยเหลือยังไง ตำรวจแจ้งว่า เปิดศูนย์รับเรื่องทั่วประเทศ แจ้งที่ไหนก็ได้ เอกสารจะไปรวมที่ส่วนกลาง ตนและผู้เสียหายรายอื่นรู้สึกขอบคุณ บางคนเป็นแม่ทีมโดยไม่มีเจตนา หรือไม่ได้มีส่วนกับทีมบอส มาให้บันทึกปากคำเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ตนรู้สึกได้รับการดูแลอย่างดี

พบเหยื่อแล้ว 27 คนเสียหาย 7 ล้าน

พ.ต.อ.คนองฤทธิ์เผยว่า หลังเปิดศูนย์รับแจ้ง ความร้องทุกข์คดีดิ ไอคอน กรุ๊ป 3 วัน มีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ดำเนินคดีแล้ว 22 คน วันนี้อีก 5 คนรวมทั้งหมด 27 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 7 ล้านบาท สภ.เมืองอุบลราชธานี เตรียมพนักงานสอบสวนไว้ 42 นาย แยกจากแจ้งความปกติ แต่ผู้เสียหายต้องเตรียมเอกสารหลักฐานการโอนเงินที่ได้จากธนาคาร (สเตตเมนต์) หน้าจอการสนทนาทางแอปพลิเคชันต่างๆ หลักฐานสื่อโฆษณาชวนเชื่ออันเป็นเหตุให้ลงทุน มาให้พนักงานสอบสวน เพื่อรวบรวมส่งให้ส่วนกลาง สภ.เมืองอุบลราชธานี จะแจ้งความคืบหน้าทางคดีให้ทราบจนกว่าส่วนกลางจะดำเนินการต่อเรียบร้อย

แฉหาสมาชิกเพิ่มถึงได้เงิน

ที่ศูนย์บริการเหตุการณ์ รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ภ.จ.ร้อยเอ็ด เริ่มเปิดรับแจ้งความวันแรก มีประชาชนหลงเชื่อเข้าร่วมหุ้นลงทุนกับดิ ไอคอนกรุ๊ปกลุ่มแรก 5 คน นำหลักฐานเอกสารการร่วมหุ้นลงทุนกับกลุ่มดังกล่าว เข้าพบ พ.ต.ท.ศักดิ์ชัย จันทศิลา สว. (สอบสวน) สภ.เมืองร้อยเอ็ด เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ เพราะสูญเงินไปรายละกว่า 2 แสนบาท นางปทุมวรรณ มหาราชเผยว่า ตนเปรียบเหมือนแม่ข่ายคนหนึ่ง เข้าร่วมโครงการตั้งแต่กลางปี 2564 ร่วมลงทุนไปทั้งสิ้นกว่า 220,000 บาท โดยโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ของ น.ส.ณฐริกา ธนธิสาร อยู่ จ.กาฬสินธุ์ หลังจากเข้าร่วมแล้วยังไม่ได้รับผลตอบแทน แต่ได้รับแจ้งว่าต้องหาเครือข่ายเพิ่มให้ครบ 5 คน หลังหาได้ครบแล้วได้เงินคืนมาประมาณ 2 หมื่นบาทเท่านั้น จึงพากันมาแจ้งความ

เร่งผู้เสียหายเข้าแจ้งความ

พ.ต.อ.สุคิด เพชรโยธา ผกก.(สอบสวน) ภ.จ.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า วันนี้เริ่มตั้งศูนย์ฯต้องเร่งดำเนินการรวบรวมผู้เสียหายพร้อมพยานหลักฐานทั้งหมดภายใน จ.ร้อยเอ็ด ดำเนินการพร้อมกันทุกสถานีทั้ง 33 แห่ง เพื่อสรุปสำนวนการสอบสวนของผู้เสียหาย และมูลค่าความเสียหายทั้งหมด เพื่อส่งกลับไปยังพนักงานสอบสวน ปคบ. เพื่อสรุปผลการดำเนินคดีภายใน 48 วันให้ทันการสรุปสำนวนการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา ก่อนที่จะครบกำหนดฝากขัง ขอประชา สัมพันธ์ให้ ผู้ได้รับผลกระทบมาให้ข้อมูลหลักฐานและปากคำ เพื่อเร่งกำลังการส่งรายละเอียดไปยัง บก.ปคบ.ต่อไป

ที่ภูเก็ตเสียหายกว่า 12 ล้าน

ที่ บก.ภ. จ.ภูเก็ต พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผบก.ภ.จ.ภูเก็ต เผยว่า สั่งการให้ตำรวจทุกพื้นที่ติดตามความคืบหน้าและอำนวยความสะดวกให้ผู้ได้รับผลกระทบคดีบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป ทั้ง 11 สภ. รวมทั้งที่ตำรวจภูธรจังหวัดรวมเป็น 12 จุด 3 วันที่ผ่านมามีประชาชนเข้าแจ้งความแล้ว 48 คน มากที่สุดคือ สภ.เมืองภูเก็ต ยอดรวมมูลค่าความเสียหายอยู่ที่ 12,500,000 บาท

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่