ตร.เมืองอุดรฯ แจ้งข้อหาสาวป่วยจิตคลั่ง "พยายามฆ่าบุพการี" หลังควงมีดพร้าด้ามยาวไล่ฟันพ่อข้อมือขาด ด้านแม่เผยลูกสาวติดยาบ้ามาเกือบ 10 ปี บำบัดแล้วแต่ไม่ดีขึ้น ส่วนข้อมือที่ขาดไม่สามารถต่อได้
วันที่ 4 กันยายน 2567 มีรายงานว่า จากกรณี น.ส.ปภัสสร หรือ นุช อายุ 43 ปี ใช้มีดพร้าด้ามยาวฟันข้อมือซ้าย นายสกล สีจันทร์งาม อายุ 67 ปี พ่อตัวเองขาด จนต้องวิ่งหนีตาย แต่ลูกสาวยังไล่ตามฟันศีรษะ และกลางหลังเป็นแผลฉกรรจ์ลึกถึงปอด จนไปล้มอยู่หน้าร้านของชำเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ร้านปิดไม่มีคนอยู่ ซึ่งมีเพื่อนบ้านผ่านมาเห็นได้เข้าช่วยเหลือโทรแจ้งตำรวจ อาสากู้ภัยฯ เข้ามาช่วยเหลือนำตัวและมือที่ขาดส่งรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี
พร้อมกับควบคุมตัวลูกสาวที่ป่วยจิตเวชมานานหลายปี พร้อมมีดพร้าด้ามยาวไปทำการสอบสวนที่โรงพัก แต่ให้การวกวน และอ้างว่าพ่อทำคุณไสย เรียนวิชาเหล็กไหลใส่ตัวเอง ให้เป็นขี้ข้าทาสรับใช้ โดยเหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 630 ม.3 บ.หนองตูม ต.บ้านจั่น อ.เมืองอุดรธานี เมื่อเวลา 14.58 น. ของวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น (อ่านข่าว: สาวป่วยจิตฟันข้อมือพ่อขาด อ้างถูกบังคับหุงข้าว ซ้ำเล่นของใส่ให้เป็นขี้ข้า)
...
คืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 4 กันยายน 2567 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านที่เกิดเหตุ เป็นบ้านยกพื้นสูง หลังคาและฝาบ้านมุงด้วยสังกะสี พบคราบเลือดผู้บาดเจ็บติดอยู่ที่ประตูรั้วสังกะสีหน้าบ้าน พบกับนางธนกร สีจันทร์งาม อายุ 61 ปี ภรรยานายสกล สีจันทร์งาม อายุ 67 ปี ผู้บาดเจ็บ และเป็นแม่ของ น.ส.ปภัสสร หรือนุช อายุ 43 ปี ผู้ก่อเหตุ กำลังเตรียมตัวไปเยี่ยมสามีที่นอนรักษาตัวที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี หลังลางานครึ่งวัน พร้อมกับนำตรวจสอบบนบ้านที่เป็นโต๊ะหมู่บูชาพระขนาดใหญ่ มีพระพุทธรูป และรูปเหมือนเกจิอาจารย์สายวัดป่ากรรมฐาน จำนวนหลายองค์ ข้างกันเป็นโต๊ะตั้งหัวครอบครูปู่ฤาษี และรูปปั้นพญานาค ที่ชาวอีสานเคารพนับถือกันมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล
นางธนกร สีจันทร์งาม เปิดเผยว่า ตนมีลูกสาวและลูกชาย รวม 2 คน คนก่อเหตุเป็นลูกสาวคนโต ติดยาบ้ามาเกือบ 10 ปี เข้าการบำบัดรักษาที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี เมื่อปี 2560 เมื่ออาการดีขึ้นก็ไปอยู่กับสามีที่ จ.หนองบัวลำภู ได้เกือบ 2 ปี ระยะหลังก็มีแต่ทะเลาะทำร้ายกัน ด้วยความเป็นห่วง จึงไปรับลูกสาวกลับมาอยู่บ้านได้ 1 เดือน พาไปรับฉีดยารักษาอาการเมื่อวันอังคารที่แล้ว และรับยามากิน แต่เขาก็ไม่ยอมกินยา บอกว่าไม่ได้บ้า ใครเป็นบ้าก็เอาไปกิน แถมยังแอบไปซื้อเหล้าขาวมากิน จึงทำให้อาการกำเริบรุนแรงขึ้น
หลังมาอยู่ที่บ้านไม่กี่วัน เขาก็ไล่ทำร้ายตน เวลาทำให้เขาไม่พอใจ เขาจับเอาหัวตนโขกกับพื้นบ้าน ตนต้องวิ่งหนีออกจากบ้าน และไม่กี่วันก็จะทำร้ายพ่อ แต่มีเพื่อนบ้านมาห้ามไว้ทัน กระทั่งมาครั้งนี้ไม่มีคนอยู่บ้าน เพราะไปทำงานกันหมด จึงเกิดเรื่องขึ้น ส่วนสามีตนป่วยเป็นโรคเบาหวาน และปอดติดเชื้อ จึงลางานออกมาอยู่บ้านได้ประมาณ 1 ปี ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะไปต่อกรกับลูกสาวเลย ส่วนเรื่องที่หาว่าพ่อแม่เรียนวิชาเหล็กไหล คุณไสยเวทมนตร์ดำ ให้เขาเป็นทาสขี้ข้ารับใช้นั้น และสวดมนต์ทั้งวันทั้งคืน ทำให้เขาไม่ได้หลับนอนมา 3-4 วันนั้น ไม่เป็นความจริง ตนและสามีก็สวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย และสวดแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวร ในตอนเช้าและก่อนนอน เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและคนในครอบครัวเท่านั้น ใช้เวลาสวดไม่ถึง 2 นาที แต่วันพระสวดนานสักหน่อยแต่ก็ไม่ถึง 5 นาที
“เขาคงคิดไปเองจากอาการป่วยจิตเวช จากการใช้สารเสพติดมานาน ไม่คิดว่าลูกสาวจะอาการหนัก ถึงขั้นใช้มีดพร้าฟันพ่อกะเอาให้ตายเลยก็ว่าได้ ซึ่งตอนเช้าก่อนเกิดเหตุ เขาพูดกับตนว่า แม่ยังไม่สมควรตาย เพราะยังทำงานหาเลี้ยงเขาได้ แต่พ่อนั้นสมควรตายได้แล้ว เพราะทำงานหาเลี้ยงเขาและครอบครัวไม่ได้ ตกบ่ายวันเดียวกันเขาก็ก่อเหตุขึ้นจริง ๆ ถือว่าเป็นเวรกรรมของสามี ได้แต่พูดให้กำลังใจเขาที่โรงพยาบาล สามีก็พยักหน้า แต่มีน้ำตาไหลเพราะความเสียใจ ที่ถูกลูกในไส้ที่ชุบเลี้ยงมาทำกับตัวเองแบบนี้”
ส่วนข้อมือที่ขาด หมอบอกว่าไม่สามารถต่อกลับคืนได้ เนื่องจากสามีเป็นโรคเบาหวาน และปอดติดเชื้อ เกรงว่าจะได้รับอันตรายจากการติดเชื้อในกระแสเลือด และอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ก็ต้องรอดูอาการอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสามีอายุมาก และมีโรคประจำตัวด้วย
อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งปราบปรามยาเสพติดให้หมดไปเสียที จับคนบ้ายาไปอยู่ในที่เหมาะสม หรือทำที่ให้เขาอยู่ เพื่อคนในครอบครัวและสังคมจะไม่ได้รับอันตรายจากคนพวกนี้ และเห็นเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมดแล้วในตอนนี้ ที่ลูกสาวตนเป็นแบบนี้ ก็เพราะยาเสพติด ส่วนลูกสาวก็ให้รับโทษไปตามกรรมที่ก่อกับพ่อเอาไว้ ให้เขาไปรักษาอาการอยู่ในคุกจนหาย และกลับออกมาเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง
...
ขณะที่ พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้ควบคุมตัวพร้อมของกลางมาสอบสวน แต่ยังให้การวกวน ไม่ค่อยรู้เรื่อง จากอาการป่วยจิตเวช ที่ใช้สารเสพติดมานานนับ 10 ปี และไม่กินยารักษาต่อเนื่อง แถมยังไปแอบกินเหล้า จึงทำให้ไปกระตุ้นอาการให้มีความรุนแรง ผลตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติด ขณะนี้ยังอยู่ในห้องควบคุม สภ.เมืองอุดรธานี ในเบื้องต้นทางเราจะส่งตัวไปให้แพทย์ตรวจสอบรักษาอาการ เมื่อเขาอาการดีขึ้นแล้ว จะนำตัวมาสอบสวนปากคำ ก่อนดำเนินการนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดอุดรธานี ในข้อหา "พยายามฆ่าบุพการี".