อัยการนำสำนวน และผู้ต้องหา ในคดีเปลี่ยนเเปลงความเร็วรถ จนเป็นเหตุกลับคำสั่งไม่ฟ้องคดี บอส อยู่วิทยา ขับรถชนดาบตำรวจเสียชีวิต เมื่อปี 55 ส่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ  

ที่ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง สายวันที่ 29 ส.ค. นายสุเวช จอมพงค์ อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 1 นำสำนวนที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และนายเนตร นาคสุข อดีต รองอัยการสูงสุดกับพวกรวม 8 คน  มายื่นฟ้องต่อศาลในคดีเปลี่ยนเเปลงความเร็วรถ จนเป็นเหตุกลับคำสั่งไม่ฟ้องคดี นายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ที่ขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ เสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 ก.ย.2555 


วันนี้จำเลยมีนายเนตร กับพวกทยอยเดินทางมาศาลพร้อมทนายความ โดยพล.ต.อ.สมยศ เปิดเผยว่า  ได้มอบหมายให้ทนายความดำเนินการตามขั้นตอน


เมื่อถามว่ามั่นใจในพยานหลักฐาน ที่นำมายื่นก่อนหน้านี้ไหม พล.ต.อ.สมยศเปิดเผยว่า พยายามทำดีที่สุดแล้ว ยอมรับว่าคนที่มีคดีต้องกังวลเป็นธรรมดา สำหรับทุกคนที่มีเรื่องต้องต่อสู้ในชั้นศาลเพื่อพิสูจน์ความจริง เมื่อถูกดำเนินคดี ก็เป็นเรื่องปกติ ที่จะต้องมีความกังวล แต่ทุกอย่าง จะต้องพิสูจน์ในชั้นศาล เรื่องทั้งหมดกำลังจะเข้าสู่กระบวนการชั้นศาล ตนไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์หรือคอมเมนต์ใด ๆ เนื่องจากเป็นการก้าวก่ายและเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ส่วนหลักฐานที่ต่อสู้กันมาในชั้นสอบสวน ไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด 


นายสุเวช จอมพงค์ อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 1 กล่าวว่า วันนี้นำสำนวนที่อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ กับพวกรวม 8 คนมายื่นฟ้องต่อศาล โดยข้อหาหลักที่ฟ้องคือความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และวันนี้ไม่ได้มีการคัดค้านการปล่อยชั่วคราว เพราะทุกคนมีที่อยู่เป็นหลักเเหล่ง ขอให้เป็นดุลพินิจของศาล และทราบว่าจำเลยน่าจะมาครบ ซึ่งทางสำนักงานอัยการคดีปราบปรามการทุจริต 1 เป็นผู้รับผิดชอบสำนวน

...

ภายหลังยื่นฟ้องต่อศาลแล้ว นายสุเวช ให้สัมภาษณ์ว่า ศาลประทับฟ้องไว้แล้ว และศาลได้ดำเนินการทำประวัติจำเลยทั้งหมด โดยวันนี้ยังไม่มีการสอบปากคำจำเลย ซึ่งศาลนัดสอบปากคำจำเลยในวันที่ 10 ก.ย.นี้ เวลา 09.30 น. หลังจากนั้นก็จะทราบว่าศาลกำหนดนัดตรวจพยานหลักฐานวันไหน ซึ่งอัยการได้เตรียมบัญชีพยานไว้เยอะพอสมควร แต่ศาลจะให้ไต่สวนพยานฝ่ายโจทก์และจำเลยกี่ปาก ใช้ระยะเวลานานเพียงใด ก่อนนัดพิพากษา ก็เป็นดุลยพินิจของศาล 


นายสุเวช กล่าวต่อว่า ส่วนการประกันตัว ในวันนี้จำเลยทั้ง 8 คน ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอประกันตัว แต่เป็นหลักทรัพย์จำนวนเท่าใดนั้น ตนไม่ทราบและจะได้ประกันตัวหรือไม่ เป็นดุลยพินิจของศาล


ผู้สื่อข่าวถามว่า อัยการมั่นใจในพยานหลักฐานที่ยื่นฟ้องมากเพียงใด นายสุเวช กล่าวว่า ก็ยืนยันได้ตามพยานหลักฐานที่ป.ป.ช.ส่งมาให้ และอัยการสูงสุดตรวจแล้วว่าพยานหลักฐานสมบูรณ์เพียงพอแล้ว ส่วนศาลท่านจะมองอย่างไรก็เป็นดุลยพินิจที่จะต้องมาพิจารณากัน ซึ่งในการตรวจพยานหลักฐาน หากมีพยานหลักฐานติดขัด หรือมีอะไรขาดตกบกพร่อง ศาลก็จะประสานมายังอัยการได้ ตามที่กฎหมายเปิดช่องไว้


เมื่อถามว่า หากคดีนี้ศาลพิพากษายกฟ้อง จะดำเนินการอย่างไร นายสุเวช กล่าวว่า เป็นอำนาจของอัยการสูงสุดที่จะพิจารณาว่า ที่ศาลยกฟ้องชอบด้วยเหตุผลหรือไม่และมีประเด็นใดที่ขาดตกบกพร่อง จะต้องให้ศาลวินิจฉัยอีก โดยเป็นดุลยพินิจของอัยการสูงสุดว่าจะต้องอุทธรณ์คดีหรือไม่


สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ถูกดำเนินคดีในข้อหาที่แตกต่างกัน โดยแบ่งเป็นประเด็น ส่วนแรกคือการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการ เปลี่ยนแปลงความเร็วรถ อีกส่วนคือการดำเนินคดีกับอดีตรองอัยการสูงสุดในเรื่องการสั่งคดี และผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเป็นพยานของคดีนี้ ซึ่งคดีดังกล่าว ป.ป.ช. มีมติส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด หากอัยการสูงสุดเห็นด้วยและมีคำสั่งฟ้องอัยการสูงสุดก็จะเป็นโจทก์ฟ้องเอง