"รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด" เผยขั้นตอนส่งฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง หรือ "บิ๊กอ๊อด" อดีต ผบ.ตร.-กับพวกรวม 8 คน" ช่วยเหลือคดี "บอส อยู่วิทยา" คาดศาลชั้นต้นใช้เวลาตัดสิน 1 ปี ยันไม่หนักใจกลุ่มผู้ถูกกล่าวหาเป็นอดีต ขรก.

เมื่อวันที่ 26 ส.ค.67 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายวัชรินทร์ ภานุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช.สอบสวนคดีกล่าวหา พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 กับพวกรวม 8 คน กรณีเปลี่ยนแปลงสำนวนและลดความเร็วรถของ นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ที่ขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่งานจราจร สน.ทองหล่อ เสียชีวิต และ อสส.มีคำสั่งฟ้องทั้ง 8 คน กับให้ทาง ป.ป.ช.ไปเอาตัวมาฟ้องศาลภายในอายุความนั้น โดยอัยการจะนัดผู้ต้องหามาที่สำนักงานอัยการคดีปราบปรามทุจริต วันที่ 29 ส.ค.67 และจะนำตัวไปส่งฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในเวลา 10.00 น. วันที่ 29 ส.ค.นี้

สำหรับรายชื่อผู้ต้องหาที่ถูกฟ้องมีดังนี้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ต้องหาที่ 1, พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้ต้องหาที่ 5, พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ผู้ต้องหาหาที่ 7, นายเนตร นาคสุข ผู้ต้องหาที่ 10, นายชัยณรงค์ แสงทองอร่าม ผู้ต้องหาหาที่ 9, นายธนิต บัวเขียว ผู้ต้องหาหาที่ 12, นายชูชัย หรือพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ผู้ต้องหาที่ 13, และ รศ.ดร.สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ผู้ต้องหาที่ 19 ซึ่งอัยการสูงสุดได้พิจารณาและดำเนินคดีอาญาฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ตามมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่า ภายหลังอัยการสูงสุดมีคำสั่งรับดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.67 ขั้นตอนเมื่อรับดำเนินคดีก็เท่ากับเป็นการสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 8 คน โดยช่วงเช้าวันที่ 29 ส.ค.ที่จะถึงนี้ ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 8 คน จะต้องเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา ที่สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก ก่อนจะนำตัวไปส่งฟ้องที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง

...

นายวัชรินทร์ กล่าวต่อว่า ทั้ง 8 คน ถูกดำเนินคดีในข้อหาแตกต่างกัน โดยแบ่งเป็นประเด็นแรกคือ การดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถ อีกส่วนคือการดำเนินคดีกับอดีตรองอัยการสูงสุดในเรื่องการสั่งคดี และผู้ต้องหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเป็นพยานของคดีนี้ ซึ่งคดีดังกล่าวทาง ป.ป.ช.มีมติส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดพิจารณา เมื่ออัยการสูงสุดเห็นด้วยและมีคำสั่งฟ้อง อัยการสูงสุดก็จะเป็นโจทก์ฟ้องเอง ซึ่งคดีนี้ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกัน จึงสิ้นสุดขั้นตอนของ ป.ป.ช. และเมื่ออัยการสูงสุดฟ้องแล้ว ก็จะเป็นดุลพินิจของศาลในการพิจารณาพิพากษาคดี

"ซึ่งในวันที่ 29 ส.ค.นี้ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการพิจารณาคดีพอสมควร เพราะจะใช้ระบบในการพิจารณาเป็นระบบไต่สวน โดยทางฝ่ายโจทก์ก็จะนำพยานเข้าสู่ศาลในการสืบพยานไม่ว่าจะเป็นพยานบุคคล พยานเอกสารหรือพยานวัตถุ ส่วนทางจำเลยทั้งหมดก็มีสิทธิ์ต่อสู้ทางคดี ซึ่งการตัดสินว่าจำเลยทั้งหมดมีมีความผิดหรือไม่นั้น จะเป็นดุลยพินิจของศาล คาดว่ากระบวนการของศาลชั้นต้นจะเสร็จใน 1 ปี" นายวัชรินทร์ กล่าว 

นอกจากนี้ นายวัชรินทร์ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า แม้ว่าผู้ต้องหาทั้ง 8 คน จะมีตำแหน่งเป็นอดีตข้าราชการ แต่ สำนักงานอัยการสูงสุดไม่หนักใจในการทำงาน เพราะผู้ปฏิบัติทุกคนถูกฝึกฝนและสร้างมาให้ไม่หวั่นไหวในการทำคดี เพราะต้องมองว่าทุกคดีก็เหมือนคดีอาญาทั่วไป ที่จะต้องค้นหาความจริง ทำความจริงให้ปรากฎ และนำสืบให้ชัดเจนตามที่ได้รับผิดชอบตามแต่ละสำนวนคดี.