ได้ตัวแล้วอดีตนักมวยดัง ดีกรีแชมป์มวยปูนตราเสือ หลังคลั่งก่อคดีปิตุฆาตแล้วเผ่นหนีไปซ่อนตัวบนเขาก่อนย้อนกลับมานอนในมัสยิด กำนันร่วมกับผู้ใหญ่บ้านนำชาวบ้านเข้าไปคุมตัว สภาพอิดโรยหลับเป็นตาย ตำรวจหิ้วสอบเค้นรับสารภาพ ก่อนพาตรวจฉี่ หลังพบประวัติเสพยา คอตกเจอโทษหนักฐานฆ่าบุพการี เผยก่อนเกิดเหตุค่ายมวยออกเงินให้กลับไปซ้อมที่กรุงเทพฯ ดันหนีกลับบ้าน และเอาแต่เที่ยวกับเพื่อนๆไม่ยอมกลับขึ้นไปซ้อมอีก

จากกรณีนายฮาเซ็น วาหนิ หรือ “สายฝน รัตนภาณุ” อายุ 26 ปี อดีตนักมวยชื่อดัง ดีกรีแชมป์มวยปูนตราเสือ ทีวีช่อง 7 อยู่บ้านเลขที่ 54/31 หมู่ 9 ต.สะเตงนอก อ.เมืองยะลา เกิดคลุ้มคลั่งก่อคดีปิตุฆาตฟันคอนายแวนุง วาหนิ อายุ 82 ปี พ่อแท้ๆ เสียชีวิตคาบ้านเลขที่ 83 หมู่ 4 บ้านตะโละสาลี ต.บันนังสาเรง อ.เมืองยะลา เกิดเหตุเช้ามืดวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา ก่อนหลบหนีขึ้นไปหลบซ่อนตัวบนเขาบือยอท้ายหมู่บ้าน หลังเกิดเหตุชุดสืบสวน ภ.จ.ยะลา ร่วมกับ สภ.เมืองยะลา ระดมกำลังไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด

ล่าสุดตำรวจได้ตัวอดีตนักมวยคลั่งฆ่าพ่อบังเกิดเกล้าแล้ว โดยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 16 ส.ค. พ.ต.อ.สันติ ศิริเกตุ ผกก.สส.ภ.จ.ยะลา พร้อมด้วย พ.ต.ท.รัชพล เจะซู รอง ผกก.สส.ภ.จ.ยะลา ร่วมกับ พ.ต.อ.ปิยภัทร ทองพันเลิศกุล ผกก.สภ.เมืองยะลา นำกำลังชุดสืบสวนไปควบคุมตัวนายฮาเซ็น หรือ “สายฝน รัตนภาณุ” อดีตนักมวย ผู้ต้องหาฆ่าบุพการี หลังได้รับการประสานจากกำนันตำบลบันนังสาเรง อ.เมืองยะลา ว่าพบนายฮาเซ็นหลบอยู่ในมัสยิดดารุสสาลามบ้านตะโละสาลี หมู่ 4 ต.บันนังสาเรง สภาพนอนหลับอยู่ในมัสยิด กำนันตำบลบันนังสาเรงร่วมกับผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่และชาวบ้านเข้าไปจับกุม หลังรู้สึกตัวนายฮาเซ็นไม่ได้ขัดขืนใดๆ ก่อนแจ้งตำรวจนำตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองยะลา

...

พ.ต.อ.ปิยภัทร ทองพันเลิศกุล ผกก.สภ.เมืองยะลา เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นนายฮาเซ็น ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพ อย่างไรก็ตามตอนนี้ผู้ต้องหายังให้รายละเอียดอะไรมากไม่ได้ เนื่องจากร่างกายอยู่ในสภาพอิดโรยจากการหลบหนีอยู่บนเขาแล้วลงมาจะเปลี่ยนเสื้อผ้าและจะนำรถ จยย.ขี่หลบหนี ก่อนเข้าไปนอนในมัสยิดและถูกชาวบ้านช่วยกันคุมตัวได้ ขณะนี้ผู้ต้องหายังให้การวกวน ตำรวจนำไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด เพราะตามประวัติของผู้ต้องหาพบว่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวยาเสพติด

ผกก.สภ.เมืองยะลากล่าวอีกว่า จากการสอบสวนพบว่าก่อนหน้านี้เมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน ค่ายมวยเดิมของนายฮาเซ็น ที่กรุงเทพฯ รวบรวมเงินให้ผู้ต้องหากลับไปซ้อมที่ค่าย แต่เจ้าตัวหนีกลับมาและไม่ยอมขึ้นไปซ้อมมวยอีก ขณะที่พ่อกับแม่ก็อยากให้ลูกชายกลับไปซ้อมมวย แต่ลูกไม่ยอมเชื่อฟัง ประกอบกับผู้ต้องหาเป็นคนติดเพื่อน ก่อนเกิดเหตุออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ กลับบ้านตีสามตีสี่ กระทั่งก่อเหตุฆ่าพ่อดังกล่าว หลังถูกคุมตัวผู้ต้องหายอมรับผิดและเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาฆ่าบุพการี ถือเป็นโทษที่หนัก หากตรวจผลตรวจสารเสพติดในร่างกายพบยาเสพติดก็จะแจ้งเพิ่มโทษอีกข้อหา หลังสอบปากคำเสร็จจะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังศาลตามกฎหมายต่อไป

ด้าน พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ. 9 เปิดเผยถึงคดีดังกล่าวว่า ตำรวจอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้ต้องหา รวมถึงกำลังตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ทั้งข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลประวัติเชิงลึก ข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ และเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อนำมาประกอบสำนวนคดี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่าสลดใจ เป็นเหตุลูกกระทำต่อพ่อ ฝากถึงเยาวชนว่าทุกวันนี้กลุ่มผู้กระทำผิดที่เป็นเด็กและเยาวชนมีอายุที่ต่ำลง เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกโรงพักมีมาตรการในการป้องกันปราบปราม โดยเฉพาะปัญหาวัยรุ่นที่มีเรื่องของการก่อเหตุทะเลาะวิวาท สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากคึกคะนอง และเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่