เพื่อนและน้องสาวแม่ค้าขายของออนไลน์ โร่ร้องเรียนสายไหมต้องรอด หลังเรียกแท็กซี่ผ่านแอปฯ มารับหน้าร้านเหล้า เจอโชเฟอร์แท็กซี่โหดไม่พอใจว่าเมา ขอให้จอดรถข้างทางเพื่ออาเจียนหลายครั้ง โวยวายเรียกเงินค่าเสียเวลาแต่ตกลงกันไม่ได้ ชักมีดยาวฟันหัวเหยื่อไม่นับจมกองเลือดริมถนนลาดพร้าว เพื่อนกับแฟนที่นั่งมาด้วยร้องห้ามก็ไม่หยุด จนแท็กซี่ขับตามมาบีบแตรไล่ถึงขึ้นรถหลบหนีไป เหยื่ออาการสาหัสกะโหลกร้าว เย็บหัวและมือกว่า 20 เข็ม ตำรวจ สน.สุทธิสาร ประสานมาให้ปากคำก็เบี้ยว เร่งรวบรวมหลักฐานออกหมายจับตัวมาดำเนินคดีแล้ว

ที่เพจสายไหมต้องรอด เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 11 ส.ค. น.ส.สุภาวดี คำสง่า อายุ 29 ปี และ น.ส.อิสราภรณ์ ทองอุทัยศิริสกุล อายุ 36 ปี เดินทางมาร้องขอความช่วยเหลือจากนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กรณี น.ส.วันเพ็ญ หรือปุ้ย คำสง่า อายุ 43 ปี แม่ค้าขายเสื้อผ้าออนไลน์พี่สาว น.ส.สุภาวดี ถูกนายประกาศ บุญหลัง อายุ 50 ปี โชเฟอร์แท็กซี่โตโยต้า อัลติส สีส้ม ทะเบียน ทฬ 1993 กรุงเทพมหานคร ใช้มีดฟันศีรษะเย็บกว่า 20 เข็ม กะโหลกร้าว เลือดคั่งในสมอง และนิ้วมือทั้ง 2 ข้างถูกฟัน รักษาตัวอยู่ที่ รพ.นพรัตนราชธานี สาเหตุจากนายประกาศไม่พอใจ ที่ น.ส.วันเพ็ญอาเจียนใส่ถุงบนรถแท็กซี่เพราะเมาสุรา เหตุเกิดบนทางเท้าใกล้ซอยลาดพร้าว 42 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม.เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 10 ส.ค.

น.ส.อิสราภรณ์ ทองอุทัยศิริสกุล เพื่อนผู้เสียหายเล่าว่า เมื่อคืนวันที่ 9 ส.ค. ตนจัดงานวันเกิดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในศูนย์การค้าคริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ หรือซีดีซี ย่านถนนประดิษฐ์มนูธรรม มีเพื่อนชายชาวสิงคโปร์ น.ส.วันเพ็ญ คนเจ็บและกลุ่มเพื่อนอีกจำนวนหนึ่ง หลังเลิกงานช่วงตี 2 กว่าวันที่ 10 ส.ค. ตนพร้อมเพื่อนชายชาวสิงคโปร์ และ น.ส.วันเพ็ญ เรียกรถแท็กซี่ผ่านแอปพลิเคชันให้มารับ ทราบชื่อนายประกาศ น.ส.วันเพ็ญมีอาการมึนเมานั่งหน้าคู่คนขับ ตนกับเพื่อนชาวสิงคโปร์นั่งเบาะหลัง โชเฟอร์ท่าทางหงุดหงิดมาตั้งแต่แรกเพราะหาจุดรับไม่เจอ ตะคอกใส่ น.ส.วันเพ็ญที่เมา หลังออกรถยังบ่นตลอดทาง น.ส.วันเพ็ญขอให้จอดเพราะคลื่นไส้ไม่อยากอาเจียนใส่รถ โชเฟอร์ก็จอดให้ลงไปอาเจียน ระหว่างนั้นโชเฟอร์ทำทีมาเช็ดประตูรถแล้วบ่นว่าเสียเวลา

...

“หลัง น.ส.วันเพ็ญกลับขึ้นรถขับต่อไปสักพักคลื่นไส้อีก โชเฟอร์หยิบถุงพลาสติกมาให้แต่ไม่ยอมจอดรถ น.ส.วันเพ็ญเปิดกระจกและอาเจียนใส่ถุง โชเฟอร์จะเรียกค่าเสียเวลาที่ต้องจอดรถอาเจียน 500 บาทไม่รวมค่าโดยสาร ฉันกับเพื่อนแย้งว่า หากอาเจียนใส่รถยินดีจ่ายค่าล้างรถและค่าเสียเวลา แต่นี่ไม่ได้อาเจียนเปื้อนรถเลยขอต่อรองเหลือ 200 บาท คนขับแท็กซี่ไม่ยอมเกิดโต้เถียงกัน สุดท้ายฉันกับเพื่อนให้แท็กซี่จอดตรงจุดเกิดเหตุ จ่ายค่าเสียเวลาไป 200 บาท ส่วนค่าโดยสารตัดบัตรเครดิตไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่อาจปิดประตูรถเสียงดังทำให้โชเฟอร์ไม่พอใจหยิบมีดยาวมาไล่ฟัน น.ส.วันเพ็ญที่ศีรษะ 2-3 ครั้ง ฉันพยายามตะโกนห้ามให้หยุด แต่อีกฝ่ายไม่ยอมฟังจนรถแท็กซี่ที่ขับตามมาต้องบีบแตรเสียงดังลั่น นายประกาศถึงรีบกลับขึ้นรถขับหลบหนีไป” เพื่อนเหยื่อกล่าว

น.ส.อิสราภรณ์กล่าวต่อว่า น.ส.วันเพ็ญถูกมีดฟันศีรษะต้องเย็บกว่า 20 เข็ม นิ้วมือทั้ง 2 ข้างถูกฟันและหักต้องใส่เฝือก หมอเอกซเรย์ศีรษะพบมีเลือดคั่งในสมองและกะโหลกร้าวต้องนอนดูอาการอย่างใกล้ชิด ด้านคดีครอบครัว น.ส.วันเพ็ญเข้าแจ้งความตำรวจ สน.โชคชัย แล้ว ดำเนินคดีข้อหาพยายามฆ่า แต่จุดเกิดเหตุยังไม่ชัดเจนทำให้คดียังไม่คืบหน้า นอกจากนี้พวกตนยังประสานไปยังแอปพลิเคชันที่เรียกแท็กซี่ แต่แอปฯเพียงระงับบัญชีโชเฟอร์แท็กซี่รายนี้เท่านั้น ตนนำเรื่องราวไปโพสต์ในกลุ่มเฟซบุ๊กของแอปพลิเคชันแท็กซี่เพื่อขอคำปรึกษา แต่แอดมินกลุ่มไม่อนุมัติโพสต์ให้ ตนไม่รู้จะทำยังไงมาร้องเพจสายไหมต้องรอด

ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ เผยว่า กรณีแบบนี้โชเฟอร์แท็กซี่ควรต้องถูกเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่รถยนต์สาธารณะ เพราะเป็นการให้บริการประชาชน เมื่อขับรถกลางคืนต้องเจอคนเมาเป็นเรื่องปกติ จะเอามีดไล่ฟันแบบนี้ไม่ได้ หากเขาไม่จ่ายค่าทำความสะอาดรถหรือค่าเสียหาย ควรไปแจ้งความผู้โดยสารกับตำรวจ ไม่ใช่เอามีดไปไล่ฟัน อีกทั้งพกมีดไว้ในรถด้วยเหตุผลอะไร นอกจากนี้ควรตรวจสารเสพติดด้วยเพราะอารมณ์ดูไม่ปกติ เบื้องต้นตนประสานไปที่ ผกก.สน.โชคชัย ทราบว่า ตำรวจ สน.โชคชัยรับเรื่องไว้แล้ว แต่เมื่อตรวจสอบจุดเกิดเหตุพบว่าเหตุเกิดบนทางเท้าพื้นที่ สน.สุทธิสาร ตำรวจทั้ง 2 โรงพักประสานกันแล้ว ตนจะพากลุ่มผู้เสียหายไปดูจุดเกิดเหตุและเข้าแจ้งความ

ต่อมาเวลา 13.20 น. นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ พา น.ส.สุภาวดี คำสง่า อายุ 29 ปี น้องสาว และ น.ส.อิสราภรณ์ ทองอุทัยศิริสกุล อายุ 36 ปี เพื่อนผู้เสียหายไปดูจุดเกิดเหตุ แล้วพาทั้ง 2 คนเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ต.อธิพงศ์ ศรีโพธิ์ สว. (สอบสวน) สน.สุทธิสาร ดำเนินคดีกับนายประกาศโชเฟอร์โหดรายนี้แล้ว เบื้องต้นตำรวจประสานทางโทรศัพท์รับปากว่าจะเข้ามาให้การที่โรงพักช่วงบ่าย แต่เมื่อถึงเวลานัดหมายกลับเบี้ยว พนักงานสอบสวนเร่งสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับกุมมาดำเนินคดีต่อไป

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่