ความคืบหน้า เหตุลอบวางบึมสะพานปลา-คาร์บอมบ์แฟลตตำรวจ กลางเมืองปัตตานี 9 ส.ค. ที่ผ่านมา ล่าสุด เจ้าหน้าที่รู้ข้อมูลโยงกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว พร้อมเร่งล่ารถเก๋ง สีบรอนซ์ 1 คัน เตรียมก่อเหตุคาร์บอมบ์ซ้ำ ขณะที่บรรยากาศภายในตลาดสะพานปลา ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ วันนี้ค่อนข้างเงียบเหงา เหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้าและผู้คนมาจับจ่ายซื้อของค่อนข้างบางตา เพราะยังกังวลเรื่องความปลอดภัย
จากเหตุการณ์คนร้ายวางระเบิด ทางเข้าสะพานปลา ม.8 ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี โดยจุดแรกคนร้ายนำระเบิดแสวงเครื่อง มาวางบริเวณถังขยะใกล้กับป้อมยาม ซึ่งเกิดระเบิดขึ้นเมื่อเวลา 13.20 น. ต่อมาเวลา 13.40 น. ก็เกิดเหตุระเบิดขึ้นเป็นจุดที่สอง บริเวณทางเข้าสะพานปลา ห่างจากจุดแรกเพียง 200 เมตร จากนั้นเวลาไล่เลี่ยกันก็เกิดเหตุระเบิดขึ้นอีกครั้ง (คาร์บอมบ์) เป็นจุดที่สาม บริเวณเกาะกลางถนน หลังแฟลตตำรวจ มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 10 คน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิด เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 9 ส.ค. 67 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 67 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนคดีความมั่นคง ระบุว่า จากการตรวจสอบรถยนต์คันที่คนร้ายนำมาก่อเหตุคาร์บอมบ์นั้น พบว่าคนร้ายได้มีการเช่าซื้อมาจากพื้นที่ จ.สงขลา แล้วนำรถขับเข้ามายังพื้นที่ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี ซึ่งเชื่อว่าน่าจะนำรถมาประกอบระเบิด เนื่องจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่า วันเกิดเหตุคนร้ายได้ขับรถมาจากเส้นทาง อ.ยะหริ่ง ก่อนจะขับเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ อ.เมือง ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ทราบข้อมูลเกี่ยวกับคนร้ายแล้ว เนื่องจากพบหลักฐานบางอย่างที่สามารถเชื่อมโยงกับกลุ่มที่ก่อเหตุ คาดว่าเป็นกลุ่มของ นายอับดุลเลาะ มะเด ซึ่งเป็นมือประกอบระเบิดในพื้นที่ อ.เมือง และ อ.ยะหริ่ง โดยมีกลุ่มของนายกอเซ็ง มะแอ กับพวกรวม 7 คน ขับรถคาร์บอมบ์มาจอดไว้
...
ล่าสุดมีรายงานว่า ยังมีรถเก๋ง ยี่ห้อนิสสัน สีบรอนซ์ อีก 1 คัน ซึ่งคนร้ายเตรียมที่จะก่อเหตุอีกครั้งในลักษณะคาร์บอมบ์ ซึ่งหน่วยความมั่นคงกำลังเร่งติดตามเพื่อสกัดกั้นไม่ให้คนร้ายนำมาก่อเหตุซ้ำ
สำหรับสภาพความเสียหายจากเหตุคาร์บอมบ์ในครั้งนี้ จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า กำแพงแฟลตตำรวจถล่มลงมา รถยนต์ของเจ้าหน้าที่ที่จอดริมกำแพงถูกสะเก็ดระเบิด ได้รับความเสียหาย 4 คัน อีกทั้งอาคารที่พักของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับความเสียหายหลายห้อง นอกจากนี้ยังพบว่าเพิงร้านค้าฝั่งตรงข้ามจุดเกิดเหตุ หลังคากระเบื้องถล่มลงมา และหลังคาที่เป็นสังกะสี ถูกสะเก็ดระเบิด ยังพบชิ้นส่วนรถคาร์บอมบ์กระเด็นถูกร้านค้าจนเป็นรู ได้รับความเสียหายเช่นเดียวกัน
สำหรับบรรยากาศภายในตลาดสะพานปลาพบว่า หลังเกิดเหตุคาร์บอมบ์ทำให้พ่อค้าแม่ค้าออกมาขายของน้อยลง ลูกค้าค่อนข้างเงียบเหงา ทราบว่าพ่อค้าแม่ค้าบางรายได้ย้ายไปขายของแถวบ้านพักตัวเองชั่วคราว เนื่องจากยังกลัวและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนประชาชนพบว่าวันนี้เดินทางมาจับจ่ายซื้อของน้อยลงกว่าปกติ เนื่องจากหลายคนยังคงมีความกังวลเรื่องความปลอดภัย ทำให้ร้านค้าต่างๆ ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ดังกล่าวค่อนข้างมาก
ขณะที่บรรยากาศท่าเทียบเรือจุดนำปลาลงนั้น วันนี้มีเรือเข้ามาเทียบท่าและสามารถนำสัตว์น้ำขึ้นได้ตามปกติ ส่วนเส้นทางเข้า-ออกจุดเกิดเหตุนั้น สามารถใช้งานได้ตามปกติแล้ว ซึ่งเหตุการณ์คาร์บอมบ์ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี โดยเหตุคาร์บอมบ์ล่าสุดที่เคยเกิดขึ้นในพื้นที่ คือ เหตุคาร์บอมบ์ห้างบิ๊กซีปัตตานี เมื่อปี 2560
จากการสอบถาม แม่ค้ารายหนึ่งในพื้นที่ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนเก็บข้าวของกลับบ้านไปแล้ว จากนั้นทราบจากลูกสาวว่าใกล้ๆ จุดที่ตนขายของนั้น เกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ขึ้น หลังทราบข่าวตนตกใจมาก ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น แต่โชคดีที่ช่วงเกิดเหตุตนกลับบ้าน และร้านค้าต่างๆ ก็เก็บของไปหมดแล้ว จึงไม่มีใครอยู่บริเวณนั้น ส่วนบรรยากาศวันนี้เงียบเหงา มีประชาชนออกมาจับจ่ายน้อย อีกทั้งร้านค้าต่างๆ ก็ยังไม่กล้าเปิดร้าน เพราะยังคงกังวลเรื่องความปลอดภัย
...
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการให้ทุกภาคส่วนช่วยกันเฝ้าระวังพื้นที่โดยรอบ และตรวจสอบการเข้าออกอย่างเข้มข้น โดยพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุมุ่งเป้ากระทำต่อเจ้าหน้าที่รัฐ ส่วนรถที่นำมาใช้ก่อเหตุนั้น ไม่ใช่รถที่มีประวัติสูญหาย ถือเป็นผลพวงมาจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าระวังและเข้มงวดมาตลอด ซึ่งช่วงหลังที่ผ่านมา คนร้ายใช้รถที่เช่าซื้อมาจากเต็นท์รถต่างๆ เพื่อนำมาก่อเหตุ เชื่อว่าอีกไม่นานเจ้าหน้าที่จะสามารถขยายผล ติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีได้โดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ สร้างความเสียหายและกระทบต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก เพราะพื้นที่แห่งนี้เป็นพื้นที่เศรษฐกิจเป็นพื้นที่ชุมชนที่พี่น้องประชาชนอยู่อาศัย และทำมาหากินอยู่ ส่งผลให้พี่น้องประชาชนต้องขาดรายได้ เป็นการซ้ำเติมความยากลำบากของพี่น้องประชาชน และกระทบต่อเศรษฐกิจในพื้นที่ด้วย