อีกเหตุการณ์สะเทือนใจวงการตำรวจกับการสูญเสีย “ตำรวจผู้กล้า” พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ รอง ผกก.ป.สน.ท่าข้าม และ ด.ต.ไชยวัฒน์ อัตโสภณวัฒนา ผบ.หมู่ ป.สน.ท่าข้าม ขณะระงับเหตุ นายบุญมา วณิชพงศ์ธร อายุ 49 ปี ใช้อาวุธปืนทำร้ายลูกตัวเองในบ้านเลขที่ 45/258 หมู่บ้านดีเค ซอย 2 ถนนพระรามสอง

ตำรวจเข้าปฏิบัติตามยุทธวิธี นายบุญมาคลุ้มคลั่งยิง พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ เข้าที่หน้าอกขวา 1 นัด หน้าอกซ้าย 1 นัด ด.ต.ไชยวัฒน์ ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบาล พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ เสียชีวิต

หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. สั่งให้ พล.ต.อ.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9 พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขียมทรัพย์ ผกก.สน.ท่าข้าม ลงพื้นที่

พล.ต.ท.สำราญ และ พล.ต.ท.ธิติ ประสานเรียกกำลัง “หน่วยอรินทราช 26” เข้าควบคุมสถานการณ์ ประกาศควบคุมพื้นที่ไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องมาอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียขึ้นอีก

...

ลูกสาวผู้ก่อเหตุให้ข้อมูลว่า พ่อมีอาวุธปืนอยู่กับตัว 4 กระบอก เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง พ่อป่วยจิตเวช ผู้ก่อเหตุขาดยาและไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องมานาน 1 ปี มีพฤติกรรมชอบใช้ความรุนแรง ทำร้ายร่างกายคนในครอบครัว สน.ท่าข้าม เข้าระงับเหตุบ่อยครั้ง ภรรยากับลูกสาว 5 คน ต้องย้ายหนีไปอยู่บ้านอีกหลัง

1 เดือนที่ผ่านมาทีมอาสากู้ภัยรับแจ้งเหตุจากตำรวจว่า ขอสนับสนุนรถพยาบาลไปส่งผู้ก่อเหตุที่มีอาการป่วยจิตเวชรักษาที่โรงพยาบาล มาถึงบ้านกลับถูกผู้ก่อเหตุข่มขู่ว่าจะใช้อาวุธปืนทำร้ายเจ้าหน้าที่กู้ภัย เวลาเกิดเหตุเรียกลูกสาวมาช่วยทำความสะอาดบ้าน แต่คุมตัวลูกสาวไว้ในบ้าน ติดต่อภรรยามาหา ภรรยาจึงแจ้งตำรวจ สน.ท่าข้าม มาด้วย จนเกิดเหตุทะเลาะวิวาท พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ รับแจ้งเหตุร่วมเจรจาคิดว่าสถานการณ์คลี่คลาย อาศัยจังหวะนายบุญมาเผลอเข้าชาร์จจับกุม แต่ลูกสาวผู้ก่อเหตุวิ่งสวนออกมาทำให้ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ เสียหลักลื่นล้ม

ผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงสวนเข้าที่หน้าอก พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ ทำให้เสียชีวิต

ตำรวจเกลี้ยกล่อมผู้ก่อเหตุวางปืนเข้ามอบตัว ผู้ก่อเหตุเก็บตัวในบ้านยิงปืนออกมาเป็นระยะตลอดทั้งคืน จนรุ่งสาง “ชุดอรินทราช 26” ตัดสินใจบุกเข้าจับกุมตามยุทธวิธีทำให้คนร้ายผู้ก่อเหตุถูกวิสามัญฆาตกรรม

เหตุชายคลุ้มคลั่งทำให้เกิดการสูญเสียยิ่งใหญ่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และครอบครัว “จันยะรมณ์”

วันที่เกิดเหตุ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ เพิ่งออกตรวจเวรที่วัดบัวผัน เมื่อรับแจ้งเหตุทางวิทยุตำรวจว่ามีคนร้ายใช้อาวุธปืนจี้เด็กรีบเข้าระงับเหตุทันที เป็นเหตุทำให้ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ เหลืออายุราชการ 1 ปี ถูกยิงเสียชีวิต

พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ เป็นตำรวจที่ “โตมาด้วยงาน” ผู้ใต้บังคับบัญชายอมรับว่า เป็นนายตำรวจที่พร้อมปฏิบัติหน้าที่ตลอดเวลา อยู่บ้านเปิดวิทยุตำรวจฟังรับแจ้งเหตุเมื่อมีเหตุจะออกไปที่เกิดเหตุทุกครั้ง แม้ครอบครัวลำบากมีภาระดูแลเเม่ผู้ป่วยติดเตียง พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ ดูแลแม่พร้อมฟังวิทยุรายงานเหตุ แต่ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร

ไม่เคยนำภาระที่หนักอึ้งทางบ้านมาเป็นเงื่อนไขลดทอนหน้าที่คำว่า “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์”

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ แสดงความเสียใจต่อครอบครัว สั่งผู้บังคับบัญชาดูแลสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ให้ครอบครัวเต็มที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ วัดยางสุทธาราม พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ พล.ต.ท.สำราญ พล.ต.ท.ธิติ ร่วมแสดง ความอาลัยการจากไปของลูกน้องตำรวจทำหน้าที่ดูแล “ทุกข์และสุข” ประชาชน บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ตำรวจมาร่วมงาน

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.กล่าวว่า “ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัว พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ รอง ผกก.ป.สน.ท่าข้าม เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่อย่างมีจิตวิญญาณผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เป็นการสูญเสียครั้งสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำชับดูแลสิทธิประโยชน์ให้ครอบครัว ปูนบำเหน็จความดีความชอบตอบแทนกรณีพิเศษ ขอเลื่อนเงินเดือนให้ 6 ขั้น ขอพระราชทานยศเป็น “พล.ต.อ.” จัดพิธีศพให้สมเกียรติ สั่งให้ถอดบทเรียนและทบทวนยุทธวิธีการปฏิบัติเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียขึ้นอีก”

...

พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวว่า “นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำเรื่องความเป็นห่วงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยืนยันว่าพร้อมสนับสนุนเรื่องวัสดุอุปกรณ์ จัดสรรงบประมาณ เงินรางวัลจับกุมยาเสพติด จะเน้นเรื่องความปลอดภัยของผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นหลัก นายกฯย้ำเรื่องยุทธวิธีและเน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก ยืนยันว่าทุกการปฏิบัติงานที่เกิดขึ้นไม่ว่าผลจะออกมาสำเร็จหรือผิดพลาดต้องมีการถอดบทเรียนอยู่แล้วเพื่อนำไปอบรมผู้ใต้บังคับบัญชา และปรับปรุงอยู่เรื่อยๆเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงาน”

ความสูญเสีย พ.ต.ท.กิตติ์ชนม์ จันยะรมณ์ นำมาซึ่งความเศร้าโศกพี่น้องคนไทยทั้งประเทศกับความทุ่มเทเสียสละทำหน้าที่ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” ร่วมกันสดุดีคุณงามความดีทำเพื่อดูแลความปลอดภัยคนไทย พร้อมกับปัญหาใหญ่ของสังคมไทยกับเหตุรุนแรงผู้ป่วยทางจิต คนเสพยาคลุ้มคลั่งจี้จับผู้บริสุทธิ์เป็นตัวประกัน

ชีวิตของตำรวจ พลเมืองดี ที่เข้ามาช่วยเหลือชีวิต “เหยื่อ” ถูกจับเป็นตัวประกันมากมายในอดีต

...

“ผู้ป่วยจิตเวช” เป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทย ชีวิตตำรวจต้องมาสูญเสียกับเหตุการณ์แบบนี้ทุกปี สถิติจากกรมสุขภาพจิตพบว่า มีจำนวนผู้ป่วยจิตเวชเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ปี 2566 มีผู้ป่วยจิตเวชสูงถึง 4 ล้านคน คิดเป็น 6.44 เปอร์เซ็นต์ของประชากรไทยทั้งหมด มีเพียง 38.75 เปอร์เซ็นต์เข้าถึงการรักษา แต่มีผู้ป่วยอีก 61.25 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้เข้ารับการรักษา ซึ่งมีแนวโน้มอาจจะสร้างปัญหาใหญ่ให้เกิดขึ้นในสังคมไทยเมื่อไรก็ได้

หวังว่าความสูญเสียครั้งนี้จะเป็น “บทเรียน” ให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณ ดูแลความปลอดภัยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงาน และเพิ่มอำนาจทางกฎหมายให้ผู้รักษากฎหมายดำเนินการผู้ป่วยจิตเวชก่อเหตุรุนแรง

ไม่ใช่แค่ตำรวจ “ถอดบทเรียน” รัฐบาลต้องให้ความสำคัญการปกป้องชีวิตเจ้าหน้าที่รัฐมากกว่านี้

เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก.


ทีมข่าวอาชญากรรม

คลิกอ่านคอลัมน์ “แกะรอยรอบสัปดาห์” เพิ่มเติม